DS Cars ผู้เป็นเจ้าของทีม Formula E จากฝรั่งเศสได้ออกมาพูดถึงอนาคตในวงการยานยนต์อย่างหน่าสนใจว่า ในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีเบรคมาให้อีกต่อไป
ก่อนที่เราจะตัดสินว่า DS Cars เพ้อเจ้อแบบนั้นจริงๆ แล้วเขาก็มีรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาอยู่นั่นก็คือ DS E Tense เป็นรถที่ยกเอาเทคโนโลยีจากรถแข่ง Formula E มาใช้เยอะมากเริ่มจากมอเตอร์ก็จะเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งมีกำลังสูงถึง 804 แรงม้า แรงบิด 8,000 นิวตัน/เมตร เร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 2 วินาที ตัวแรงม้าดูแล้วก็ไม่ได้เยอะอะไรมากนักถ้าเทียบกับอสูรกายพลังงานไฟฟ้าทั้งหลาย แต่แรงบิดระดับ 8,000 นิวตัน/เมตร หรือ 5,000 ปอนด์/ฟุต มันเยอะมากๆ ชนิดที่รถในระดับเดียวกันเทียบไม่ติดยกตัวอย่าง Rimac Nevera จะอยู่ที่ 2,360 นิวตัน/เมตร หรือ Tesla Model S Plaid ตัวแรงประจำค่ายก็ยังไม่ข้าม 3,000 นิวตัน/เมตร
แล้วถ้าหากว่ารถมันแรงขนาดนั้นทำไมถึงไม่ต้องมีเบรค? ในที่นี้เขาจะหมายถึงเบรคแบบดั้งเดิมที่เรามีนั้นมันไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามันมีความต้องการและอรรถประโยชน์ในการใช้ที่ต่างออกไป โดยเฉพาะการเบรคเพื่อสร้างพลังงาน ไม่ว่าเบรคแบบการใช้งานทั่วไปหรือการเบรคแบบหนักหน่วงมันก็จะสามารถนำพลังงานเหล่านั้นมาชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้
Beatrice Foucher ซีอีโอของ DS Cars ได้บอกว่าการเบรคเพื่อสร้างพลังงานเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากๆ มันไม่เพียงแค่ทำให้รถช้าลงอย่างเดียว เพราะมันยังสามารถเอาไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้และมันจะช่วยทำให้การใช้งานแบตเตอรี่คุ้มค่าที่สุด ก็คือถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆ แต่ไม่ได้ถูกทั้งหมดก็คือจะใช้ระบบแม่เหล็กหน่วงหรือใช้มอเตอร์เข้ามาเบรคนั่นแหละครับ
ที่มา : arenaev