Nothing Phone (2a) เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับ โดยรุ่นนี้เรียกว่าเป็น Nothing Phone (2) ที่มีสเปคใกล้เคียงกันเป็นส่วนใหญ่ในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งทาง Nothing บอกว่า Phone (2a) จะมอบประสบการณ์การใช้งานในทุกวันที่ดีที่สุดด้วยความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมและงานฝีมือของ Nothing
Nothing บอกว่าการออกแบบของ Phone (2a) ถูกพัฒนาภายในมาตั้งแต่ปี 2020 หรือเพียงไม่กี่เดือนหลังจาก Nothing เปิดตัว โดยสิ่งสำคัญของการออกแบบคือระบบกล้องคู่ซึ่งอยู่ภายในคอยล์ NFC และสร้างสิ่งที่ดูคล้าย "ดวงตา" ที่ด้านหลังของโทรศัพท์ซึ่งโอบรอบขอบด้วยมุม 90 องศา ทำให้อุปกรณ์ทนทานต่อการตกหล่นมากขึ้น
Nothing Phone (2a) มาพร้อมกับอินเทอร์เฟซ Glyph อันเป็นเอกลักษณ์ของ Nothing พร้อมโซนที่สามารถระบุตำแหน่งได้ 26 โซน โดยไฟทั้งสามดวงรองรับ Glyph Timer, การแจ้งเตือน, Glyph Torch และ Glyph Progress
Nothing Phone (2a) ใช้ชิป Dimensity 7200 Pro ซึ่งออกแบบร่วมกับ MediaTek โดยสร้างขึ้นจากกระบวนการ 4 นาโนเมตรใหม่ล่าสุดของ TSMC ในขณะที่โปรเซสเซอร์เพิ่มความเร็วขึ้นเป็น 2.8GHz
ด้านหน้าโทรศัพท์มีหน้าจอ AMOLED 10 บิตขนาด 6.78 นิ้วพร้อมความละเอียด 1084x2412 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 1,300 nits และอัตราการรีเฟรชแปรผัน 30-120Hz โทรศัพท์ใช้งานระบบปฏิบัติการ Nothing OS 2.5 บน Android 14 โดยการันตีอัปเดต Android 3 ปี และการอัปเดตความปลอดภัย 4 ปี
ด้านการถ่ายภาพมีกล้องสามตัว ประกอบด้วยกล้อง 50MP คู่ที่ด้านหลัง และกล้องเซลฟี่ 32MP f/2.2 (1/2.74 นิ้ว) แบบเดียวกับใน Nothing Phone (2) โดยกล้องหลักคือเลนส์ 50MP f/1.88 (เซ็นเซอร์ 1/1.56 นิ้ว) พร้อม OIS และเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบโฟกัสคงที่ความละเอียด 50MP f/2.2 (เซ็นเซอร์ 1/2.76 นิ้ว)
Nothing Phone (2a) บรรจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่ 5,000mAh ชาร์จได้สูงสุด 45 วัตต์ และสามารถชาร์จได้ถึง 50% ใน 23 นาที และ 100% ใน 59 นาที นอกจากนี้บริษัทยังสัญญาว่าแบตเตอรี่จะรักษาความจุได้ 90% หลังจากรอบการชาร์จ 1,000 รอบหรือการใช้งานทุกวันนานกว่าสามปี
Nothing Phone (2a) เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าผ่านทาง Nothing.tech ตั้งแต่วันนี้ และจะจัดส่งตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม โดยจะมีให้เลือก 2 เวอร์ชันทั่วโลก ประกอบด้วยรุ่นพื้นฐานมี RAM 8 GB และที่เก็บข้อมูล 128 GB ในราคา 329 ยูโร (ประมาณ 12800 บาท) อีกรุ่นที่มีสเปคสูงกว่ามี RAM 12GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB จะมีราคาอยู่ที่ 379 ยูโร (ประมาณ 14700 บาท) ในยุโรป
source: gsmarena