Review : ASUS ZenBook S UX391 โน้ตบุ๊คสายทำงานสุดหรู
ที่มาพร้อมกับกลไก ErgoLift ใช้งานง่ายพกพาสะดวก !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับโน้ตบุ๊คตัวใหม่ของ ASUS อย่าง ASUS ZenBook SUX391 นั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือความบางเบาเน้นการพกพาแบบสุดๆ พร้อมนวัตกรรม ErgoLift ที่ช่วยในเรื่องการใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ในส่วนของสเปคต่างๆก็มีการปรับมาใหม่เช่นกัน ใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊คเบาๆไว้ใช้งานสักเครื่อง มาอ่านรีวิวของรุ่นนี้ไปพร้อมๆกันเลยครับ :D
สเปค ASUS ZenBook S UX391
- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home
- หน้าจอ LED 13.3" Full-HD NanoEdge (อัตราส่วน 16:9)
- หน่วยประมวลผล Intel Core i7 8550U Quad-core 1.8GHz
- กราฟิก Intel UHD Graphic 620
- แรม 8GB LPDDR3 2133MHz
- ความจุ 512GB PCle SSD
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C Thunderbolt x2, USB Type-C Gen 1 x1, Headphone Jack
- ขนาดตัวเครื่อง 1.29 x 31.1 x 21.3 ซม.
- น้ำหนัก 1 กก.
เริ่มกันที่เรื่องสเปคกันก่อนอย่างที่บอกไปว่า สำหรับ ASUS ZenBook S UX391 รุ่นนี้ สเปคที่ให้มาก็ท็อปตามสไตล์ Ultrabook สุดบางเฉียบ ให้หน่วยประมวลผล Intel Core i7 8550U มา , แรม 8GB, ความจุเป็น SSD 512GB พร้อมใช้งานด้านทั่วๆไปจนถึงกราฟิกกลางๆได้เลย
รูปลักษณ์อันสวยหรูกับนวัตกรรมที่น่าสนใจ
มาเข้าเรื่องรูปลักษณ์หรือการดีไซน์ของ ASUS ZenBook S UX391 กันต่อเลยดีกว่า สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ทรงสวยหรูเช่นเคย อย่างที่ทราบกันดีว่าซีรีส์นี้มักจะเน้นไปที่ความบางเบา เหมาะสำหรับการพกพาเป็นอย่างยิ่ง ตัวเครื่องที่เราได้มาจะเป็นสี Deep Dive Blue โทนออกน้ำเงินเข้มสุดๆ ให้ความรู้สึกที่ดูคมเข้มและมีมาตรมากๆ
ตามขอบตัวเครื่องยังคงมีการตัดขอบด้วยสีทอง Rose Gold เพิ่มความหรูหราเข้าไปได้ดีไม่น้อย ทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องดูไม่เข้มไปซะทั้งหมด
ASUS ZenBook S UX391 มาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ใช้ชนิดหน้าจอเป็น LED ความละเอียด Full-HD ในเรื่องการแสดงผลให้ค่าสี sRGB 100%,NTSC Wide Color Gamut มาที่ 72% แสดงผลสีสันได้สวยงามดีมากๆ แต่ตัวจอจะติดอมเหลืองหน่อยๆ สีขาวไม่ได้ขาวสว่างมากออกนวลๆแต่สบายตาดีครับ
ตัวขอบหน้าจอมีความบางเฉียบเพียง 5.9 มม.เท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูไม่ใหญ่เทอะทะเท่าไหร่ เพิ่มอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องได้ถึง 85% เลยทีเดียวครับ
เหนือหน้าจอจะมีกล้อง WebCam ความละเอียด HD พร้อมไมโครโฟนอยู่ด้านข้างซ้าย-ขวาอย่างละตัวครับ
แป้นพิมพ์ที่มาพร้อมกลไก ErgoLift นี่แหละที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้เลย ASUS ZenBook S UX391 รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวคีย์บอร์ดที่ปรับมุมองศาขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยการทำมุม 5.5 องศาเอียงเหมาะกับลักษณ์การวางมือในการพิมพ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
ทำให้เมื่อเวลาเราพิมพ์นั้นองศาการวางมือจะสอดคล้องและให้ระดับที่เหมาะสมไม่แบนราบจนเกินไปเวลาใช้งาน ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานมาจริงๆก็รู้สึกว่าทำให้เวลาเราพิมพ์งานจริงๆได้ความรู้สึกที่ดีกว่าแบบปกติจริงๆ พิมพ์ได้ง่ายกว่า
สำหรับตัวคีย์บอร์ดก็มากับตัวปุ่มกดขนาดใหญ่พอดีนิ้ว วางตำแหน่งต่างๆได้ดี เวลาพิมพ์กดรัวๆก็ให้ความรู้สึกที่ดี กดมันมือเลยล่ะ ตามปุ่มจะมีการสกรีนตัวอักษรด้วยสีทองตัดกับตัวเครื่องสีน้ำเงินเข้มได้เป็นอย่างดีครับ
ภายใต้คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit ไว้ส่องแสงเวลาใช้งานในตอนกลางคืนหรือที่ที่มีแสงไม่เพียงพอได้ด้วย โดยสามารถปรับระดับได้ 3 ระดับครับ (กดได้ที่ปุ่ม F7 เลย)
ปุ่ม Power หรือปุ่มเปิด-ปิดเครื่องวางตำแหน่งไว้ที่มุมขวาบนของแป้น พร้อมบอกสถานะเป็นไฟ Backlit อยู่เล็กๆ แต่ตัวปุ่มก็มีขนาดที่ใกล้เคียงกับปุ่มอื่นๆไปหน่อย ใช้งานแรกๆมีเผลอไปกดโดนบ้างเพราะคิดว่าจะไปกด Delete น่ะนะ
ตัว TouchPad ออกแบบมาได้ใหญ่สะใจต่างสไตล์ ASUS ใช้งานได้อย่างลื่นไหลรองรับระบบ Multi-Touch จะ 2 นิ้ว 3 นิ้วมาครบหมดครับ พร้อมกับมีตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือผูกติดมาให้ด้วย เอาไว้ใช้งานร่วมกับระบบ Windows Hello ปลดล็อคเข้าเครื่องได้เร็วๆไม่ต้องกดรหัส
พอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้ก็ตามสไตล์ของโน้ตบุ๊คสายบางเบาครับ ให้มาเป็นแบบ USB Type-C ทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็น USB 3.1 Gen 1 หนึ่งพอร์ตที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง พร้อมกับมีไฟบอกสถานะการชาร์จอยู่ตรงนี้ด้วย
ส่วนด้านขวามือจะเป็นพอร์ต USB 3.1 Gen 2 Thunderbolt อยู่ด้วยกัน 2 พอร์ต พร้อมกับช่องใส่หูฟัง 3.5 มม.อยู่ที่ตัวจอด้วยครับ
ฝาหลังของรุ่นนี้ยังคงมีเอกลักษณ์ของ ZenBook ด้วยการใส่ความแวววาวออกมาจากตรงกลางโลโก้ ASUS เหมือนเคยครับ
มุมมองของหน้าจอรุ่นนี้กางได้มากสุดถึง 145 องศา ก็อย่างที่เห็นในภาพนี่แหละครับ กางออกได้พอสมควรเลย แถมการกางออกนี้ยังสัมพันธ์กับตัวคีย์บอร์ดที่มีกลไก ErgoLift นี้อีกด้วยครับ
ในเรื่องการระบายความร้อนตัวเครื่องจะมีช่องระบายความร้อนอยู่ที่ใต้เครื่อง แต่เมื่อมีการเปิดหน้าจอออกมาแล้วกลไก ErgoLift ยกตัวคีย์บอร์ดขึ้น ตัวช่องระบายความร้อนก็จะโผล่ออกมาด้วย ทำให้การกระจายความร้อนนั้นทำได้ดีขึ้นด้วยครับ
คว่ำเครื่องกชมาดูใต้เครื่องจะเห็นว่ามีปุ่มอยู่ 4 มุมไว้รับตัวเครื่องอีกทีไม่ให้เวลาเราวางเครื่องตัวเครื่องรับแรงไปเต็มๆ
นอกจากนี้ยังมีลำโพงคู่วางไว้อยู่ทั้งซ้าย-ขวาล่างของตัวเครื่องอีกด้วย
รวมๆในเรื่องของดีไซน์ต้องบอกว่าเน้นไปที่ความหรูหราและพกพาได้ง่าย อ๊ะ…ลืมบอกเรื่องความบางและน้ำหนักไปเลย สำหรับ ASUS ZenBook S UX391 นี้จะมีความบางเพียง 12.9 มม. และหนักเพียง 1 กก.เท่านั้นเรียกว่าเหมาะกับพกพาจริงๆเลยล่ะ
แถมในกล่องยังมีอุปกรณ์เสริมอย่างซองสุดหรูติดมาให้ด้วย ใส่ ASUS ZenBook S UX391 บางๆพร้อมไปทำงานเก๋ๆตามร้านกาแฟได้เลยแบบนี้
แถม Windows แท้มาเลย ไม่ต้องกังวลนาจา !
ในเรื่องของระบบปฏิบัติการ ทาง ASUS นั้นจะมีการผูก Windows แท้มาให้ในโน้ตบุ๊คทุกรุ่นแล้ว ซึ่งรุ่นนี้ ASUS ZenBook S UX391 ก็ให้ Windows 10 Home มาให้เลย ไม่ต้องกังวลว่าซื้อเครื่องแล้วจะต้องมาติดตั้ง Windows เพิ่มแล้วเนาะ
ใช้งานเป็นยังไงบ้าง ?
เข้าสู่เรื่องการทำงาน ตัว ASUS ZenBook S UX391 นั้นเหมาะกับการใช้งานด้านเอกสารทั่วๆไปจนถึงกราฟิกได้อย่างสบาายๆด้วยตัวหน่วยประมวลผลตัวใหม่ Intel Core 8th Gen ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยม ตัวคีย์บอร์ดที่มีกลไก ErgoLift เหมาะกับการวางมือพิมพ์ต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี
ในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อรุ่นนี้ให้แบบ Type-C 3.1 มาทั้งหมดหลายคนอาจจะไม่ชอบใจเวลาจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ตรงนี้ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะทาง ASUS มีการแถมตัวแปลง Mini Dock ที่สามารถเชื่อมต่อ USB Type-A, HDMI มาให้ด้วย
ทีนี้ก็เอาเม้าหรือพวกแฟลชไดว์มาต่อใช้งานได้เหมือนกันแล้วครับ
หรืออย่างแฟลชไดว์ตัวใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็มีแบบ Type-C มากขึ้นให้สามารถเสียบใช้งานกับตัวพอร์ตได้โดยตรงด้วย ตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการใช้านแต่อย่างใดครับ
เห็นตัวเครื่องบางๆแบบนี้แต่ก็มีระบบระบายความร้อนที่ดีสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่องเหมือนกันนะด้วยระบบระบายความร้อนภายในที่ใช้ใบพัดคริสตัลพอลิเมอร์และท่อทองแดงระบายความร้อน พร้อมกันนี้ยังมีระบบ Quiet Fan ที่ช่วยให้การทำงานต่างๆนั้นเงียบและมีประสิทธิภาพดีด้วยครับ
ภาพและเสียงก็แจ่ม !
สำหรับเรื่องหน้าจอและการแสดงผลรุ่นนี้ให้หน้าจอ Full-HD Nano Edge ที่มีขอบอันบางเฉียบ มุมมองกว้าง แสดงผลสีสันได้สวยงามดีทีเดียวล่ะครับ สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิง จะดูหนังหรือวิดีโอต่างๆก็ทำได้ครอบคลุมดีครับ
เสียงก็ได้ลำโพงคู่ Harman/Kardon มาอีก ระบบเสียงที่ได้จะกระจายตัวออกจากด้านล่างตัวเครื่องให้เสียงแบบ Stereo ชัดเจน มีมิติใช้ได้อ เวลานั่งทำงานคนเดียวเงียบๆไม่อยากเสียบหูฟังก็เปิดผ่านลำโพงฟังเพลงไปได้ครับ
แบตเตอรี่อยู่นาน จบงานได้สบาย
ในเรื่องของแบตเตอรี่รุ่นนี้ก็เคลมไว้ว่าสามารถทำงานได้ยาวนานราวๆ 13.5 ชม. กันเลยทีเดียว จากการทดสอบก็ถือว่าแบตเตอรี่อึดพอควรเลย เหมาะกับการพกไปนั่งตามร้านเก๋ๆแล้วทำงานไปชิวๆ โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องแบตเตอรี่จะหมดไว ต้องหาปลั๊กชาร์จตลอดๆด้วย
หรือถ้าเกิดใช้นานจริงๆจำเป็นต้องชาร์จไฟตัวเครื่องก็มาพร้อมระบบ Fast Charge ชาร์จไวมากๆเพียง 49 นาทีก็ชาร์จขึ้นมาได้ถึง 60% แล้วครับ แถมตัวพอร์ตชาร์จก็ยังเป็น USB Type-C นี่แหละ ใช้ร่วมกับพวกสายชาร์จมือถือบางรุ่นหรือ PowerBank ที่มีแรงดันไฟสูงๆได้เลย
คงทนสุดๆด้วยมาตรฐานระดับกองทัพ
ในเรื่องความแข็งแรงทนทาน มองเผิดๆเห็นตัวเครื่องบางๆเบาๆแบบนี้ อาจจะดูไม่น่าจะทนสักเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่า ASUS ZenBook S UX391 รุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับมาตรฐานความถึกทนระดับกองทัพเลยนะจ๊ะ ซึ่งรุ่นนี้ก็ได้มาตรฐานแบบ MIL-STD 810G ที่เน้นความทนทานด้านการตกกระแทก, อุณหภูมิต่างๆได้เป็นอย่างดีเลยด้วยครับ
ราคาค่าตัวล่ะ !?
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับเรื่องราคาของ ASUS ZenBook S UX391 รุ่นนี้ก็เคาะราคาค่าตัวมาที่ 49,990 บาท สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปครับ
สรุปให้เลยละกัน !
สำหรับ ASUS ZenBook S UX391 ก็ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คสายทำงานที่เหมาะกับคนที่ต้องการความหรูหราของตัวเครื่องและความบางเบาในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ดีจริงๆ ด้วยขนาดที่เบาและบางมากๆ หนาไม่ถึง 13 มม. และหนักเพียง 1 กก.เท่านั้น ตัวเครื่องยังมาพร้อมกลไก ErgoLift ช่วยให้พิมพ์งานได้สะดวกมากขึ้น ในเรื่องสเปคการใช้งานก็ครอบคลุมทั้งในด้านทั่วๆไปจนถึงกราฟิกกลางๆได้เลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊ครุ่นไฮเอนด์ที่มีดีไซน์เรียบหรูพกพาสะดวกแบบนี้อยู่ ASUS ZenBook S UX391 รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวครับ :D
จุดเด่น
- ตัวเครื่องดีไซน์สวยหรู
- หน้าจอ IPS 13.3" แสดงผลยอดเยี่ยม
- ขนาดกะทัดรัด เบาและบางที่สุด
- กลไก ErgoLift ช่วยในเรื่องการพิมพ์ที่สะดวกยิ่งขึ้น
- รองรับระบบชาร์จไว
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
จุดสังเกต
- พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น USB Type-C ทั้งหมด (แต่มีแถม Mini Dock มาให้)
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite