Review : Huawei Mate 20 X พี่บิ๊กสุดครบเครื่อง จัดเต็มทุกอณูของความบันเทิงที่จะหาได้แล้ว ณ ตอนนี้ !!
Review : Huawei Mate 20 X พี่บิ๊กสุดครบเครื่อง จัดเต็มทุกอณูของความบันเทิง
ที่จะหาได้แล้ว ณ ตอนนี้ !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับบทความรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆกับ เฮียแม็พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับพี่ (ไซส์) ใหญ่ที่สุดของ Huawei Mate 20 Series กับ Mate 20 X นั่นเอง ! รุ่นนี้ก็ถือว่าออกมาตอบโจทย์คนที่ชอบความบันเทิงแบบจัดเต็มด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ยักษ์ถึง 7.2 นิ้ว, ลำโพงคู่ทรงพลัง, แบตเตอรี่ 5000 mAh ใช้งานได้จุใจทั้งวัน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือสเปคภายในที่จัดเต็มแบบสุดๆนี่แหละ โอ้โห ! ครบขนาดนี้อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าถ้าใช้งานจริงจะเป็นยังไง มีจุดเด่นอะไรอีกไหมที่น่าสนใจ มาอ่านรีวิวของ Huawei Mate 20 X รุ่นนี้ไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ :D
กล่องเป็นไงให้อะไรมาบ้าง !
เริ่มต้นที่ตัวกล่องกันก่อน Mate 20 X มาพร้อมกับกล่องทรงเดียวกับ Mate 20 Series ทั้ง 2 รุ่นเลยคือกล่องแนวตั้งขนาดกำลังดี ด้านหน้ามีสกรีนทุกสิ่งแบบเดียวกันระบุชื่อรุ่นว่า Huawei Mate 20 X อย่างที่เห็น และแน่นอนครับโลโก้ Leica Triple Camera เด่นๆพร้อมจุดแดง
อุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดก็เหมือนกับตอน Mate 20 รุ่นปกติครับ ประกอบด้วย 7 อย่างดังนี้
- ตัวเครื่อง Mate 20 X
- เคสซิลิโคนใส
- หูฟังแจ็ค 3.5 มม.
- สาย USB Type-C
- อแดปเตอร์ SuperCharge (22.5W)
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งาน
มีเคสแถมมาให้และฟิล์มกันรอยก็ติดมาให้ตั้งแต่แกะกล่องเลยล่ะครับ พร้อมใช้งานได้เป็นอย่างดี :D
ซึ่งจริงๆถ้าในชุดขายจริงเราจะได้ตัวปากกา M-Pen แถมมาให้ด้วยให้ใช้งานควบคู่กัน แต่เครื่องที่เราได้มารีวิวนี้ไม่ได้ติดมาให้ด้วย เพราะฉะนั้นขอรีวิวเฉพาะตัวเครื่องเต็มๆละกันเนอะ :P
จอใหญ่จอเต็มนี่มือถือหรือนี่ !?
เข้ากันที่ตัวเครื่องกันเลยดีกว่า แว้บแรกที่เห็นหรือได้ลองสัมผัสเชื่อว่าหลายคนคงต้องอุทานว่า "นี่มือถือหรือนี่ !?" เพราะ Mate 20 X นั้นมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่มหึมาถึง 7.2 นิ้วยิ่งใหญ่แบบที่เรียกว่าแท็บเล็ตไปเลยก็เชื่อนะแต่ด้วยการที่สมาร์ทโฟนในยุคใหม่นี้มีการปรับขอบหน้าจอและติ่งต่างๆให้ลดลง ทำให้ตัวเครื่องนั้นยังสามารถจับถือได้อยู่ในมือเดียวอยู่ แต่ก็เต็มมือไปเลยล่ะ *0*
การแสดงผลแน่นอนว่าเต็มตาแบบสุดๆ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่แล้ว ยังใช้ชนิดหน้าจอแบบ OLED ความละเอียด FHD+ ในอัตราส่วนแบบ 18.7:9 อีก มุมมองและสีสันทำได้ดีมาก
เหนือหน้าจอมีติ่งทรงหยดน้ำเล็กๆไม่ได้กินพื้นที่ของหน้าจอไปเท่าไหร่ อย่างที่เห็นเลยด้านบนมีกล้องหน้าอยู่ตรงกลางเด่นๆ และเหนือขึ้นไปยังแอบมีไฟ LED แจ้งเตือนซ่อนอยู่ด้วย ส่วนบนสุดก็เป็นลำโพงสนทนาของตัวเครื่องครับ แถบยาวๆหน่อยเสียงดังฟังชัด
ขอบหน้าจอด้านล่างยังคงทำได้บางเฉียบไม่แพ้ตอน Mate 20 แต่อย่างใด ถึงจะไม่ได้ชิดขอบมาเลย แต่แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะบางยังไงแล้วครับ
ฝาหลังโค้งรับกับรูปมือได้ดี ทำให้รู้สึกว่าถึงแม้ตัวเครื่องจะใหญ่มากๆขนาดนี้ก็ยังวางไว้บนฝ่ามือได้พอดีทีเดียวเชียว ตัวฝาหลังจะมีการทำลวดลาย Texture ลายเส้นไว้ด้วย ช่วยให้เวลาจับถือแล้วไม่ลื่นมือนักและให้ผิวสัมผัสที่ไม่หนืดมือจนเกินไปด้วยเช่นกันครับ
ตำแหน่งของกล้องหลัง 3 ตัวยังวางรวมกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆของ Mate 20 ตรงนี้ทาง Huawei ก็อธิบายว่าได้แรงบันดาลใจมากจากไฟหน้าของรถแข่ง Porsche 919 ที่เรียงกันแบบ 4 Dot Iconic Design ครับ
รอบๆตัวเครื่องวางตำแหน่งได้ดี วางพอร์ต USB Type-C ไว้ที่ด้านล่างของตัวเครื่องพร้อมกับลำโพงหลักและไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ส่วนด้านบนก็มีลำโพงอีกตัวหนึ่งที่จะมาช่วยให้เสียงที่ได้ออกมานั้นเป็นแบบ Stereo, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, ตัว IR Blaster สำหรับใช้งานรีโมทควบคุมต่างๆรวมถึงยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม.อยู่นะจ๊ะ ไม่ได้ตัดออกไปแบบรุ่น Pro
ปุ่มกดต่างๆก็วางไว้ที่ด้านขวาของตัวเครื่องทั้งหมดตามสไตล์ Huawei แบ่งเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงแถบยาวๆ ส่วนปุ่ม Power ก็จะมีการใส่ลวดลาย Texture เล็กๆไว้ให้เวลาเราเอามือลูบๆจะรู้ได้ทันทีว่านี่คือปุ่ม Power พร้อมกับมีตัดขอบด้วยสีแดงเอกลักษณ์อีกต่างหากครับ
ช่องใส่ซิมของรุ่นนี้อยู่ที่มุมซ้ายของตัวเครื่อง โดยถาดซิมจะเป็นแบบ Dual-nano SIM รองรับ 2 ซิมแบบ Dual 4G และยังสามารถใส่ nano-SD เม็มแบบใหม่ที่ทาง Huawei พัฒนาขึ้นมาได้ด้วยนะ
ถึงแม้ตัวเครื่องจะมีขนาดหน้าจอและตัวเครื่องที่ใหญ่มหึมาแต่ความบางของรุ่นนี้อยู่ที่ 8.15 มม.เท่านั้นเอง ตรงนี้เลยช่วยให้ตัวเครื่องดูไม่เทอะทะจนเกินไป เพราะในความใหญ่ยังมีความบางที่มีช่วยให้ตัวเครื่องดูน่าใช้งานอยู่นั่นเองครับ
ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องแน่นอนว่าเครื่องใหญ่ขนาดนี้น้ำหนักต้องทะลุ 200 กรัมแน่ๆ ซึ่งรุ่นนี้ก็มีน้ำหนักที่ 232 กรัม มองที่ตัวเลขอาจจะดูหนักไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับขนาดและสัดส่วนโดยรวมแล้วทำได้ดีครับ ไม่รู้สึกถึงความหนักจนเกินเหตุ ก็เครื่องใหญ่ซะขนาดนี้นี่เนอะ :D
รวมๆแล้ว Huawei Mate 20 X ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียว ทั้งในเรื่องขนาดหน้าจอที่ใหญ่แบบสะใจ (หลายคนเรียกว่ามันคือแท็บเล็ตไปแล้ว) แต่ยังสามารถใช้งานบนมือได้เหมือนกับสมาร์ทโฟนอยู่ ใครที่ชอบความใหญ่แบบเต็มตาจริงๆ รุ่นนี้นี่ลงตัวมากๆ สำหรับสีสันที่วางจำหน่ายในบ้านเราก็จะมีให้เลือก 2 สีคือ Phantom Silver และ Midnight Blue (สีที่เรารีวิว) ครับ
สเปค Huawei Mate 20 X
- รัน Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.0
- หน้าจอ Amoled 7.2 นิ้ว FHD+ (18.7:9)
- ซีพียู Kirin 980 Octa-core 2.6GHz
- จีพียู Mali-G76MP10
- แรม 6GB
- รอม 128GB
- รองรับ Nano-SD
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับระบบชาร์จไว Super Charge (22.5W)
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 ตัว Leica SUMMILUX 40+20+8 ล้านพิกเซล
- รองรับ 2 ซิม (4G ได้ทั้ง 2 ซิม)
- รองรับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- รองรับระบบสแกนใบหน้า
ในเรื่องสเปคเห็นได้ชัดว่าทั้งหน่วยประมวลผลหน่วยความจำของ Mate 20 Series นี้ให้ทุกอย่างมาเหมือนกันทั้งหมด คือซีพียูตัวแรง Kirin 980, แรม 6GB และความจุ 128GB เรียกว่าก็ท็อปสุดๆของตลาดตอนนี้แล้วล่ะ แต่จุดที่รุ่นนี้ให้มาเยอะกว่าก็คือแบตเตอรี่ที่ขยายตามไซส์หน้าจอเป็น 5000mAh จุใจไปเลย รองรับระบบชาร์จไว SuperCharge (22.5W) และที่ขาดไม่ได้กล้องหลัง 3 ตัวที่เป็นชุดเดียวกับ Mate 20 Pro ซึ่งถือว่าเป็นตัวทฌ็อปสุดของ Huawei ตอนนี้แล้วนั่นเองครับ :D
ประสิทธิภาพแรงจัดเต็มไปเลย !
แน่นอนว่าสเปคภายในของ Mate 20 X นั้นเป็นชุดเดียวกับรุ่นอื่นๆ จากที่เคยทดสอบมาแล้วก็ได้คะแนนที่สูงลิบ ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และบน Mate 20 X นี้เท่าที่ลองทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark คะแนนที่ได้ก็ออกมาสูงถึง 295797 คะแนนเลยทีเดียวครับ
EMUI 9.0 ทำงานลื่นไหล !
ในเรื่องซอฟต์แวร์ Mate 20 X มาพร้อมกับ Android 9.0 Pie ตัวล่าสุดที่จะหาได้บนสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้ว ซึ่งการทำงานต่างๆก็ต้องบอกว่าลื่นไหลมากๆ แถมยังมีการครอบทับมาด้วย EMUI 9.0 ตัวใหม่ล่าสุดไปอีกด้วย
เช่นเดียวกับ Mate 20 อีก 2 รุ่น ที่น่าสนใจของ EMUI 9.0 คือความลื่นไหลที่ทาง Huawei เลือกลดอนิเมชั่นของการเปิดแอปลง ช่วยให้การเข้าสู่หน้าแอปต่างๆดูเร็วขึ้น รวมไปถึงเพิ่มระบบ High Responsive Engagement เข้ามา ทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
รูปแบบ Theme ทาง Huawei มีทางเลือกมาให้เลือกเปลี่ยนมากมายอยู่แล้ว แค่ Preset ที่ให้มาในเครื่องก็เยอะพอที่เราจับปรับให้เข้ากับสไตล์ของเราได้แล้ว มีแบบที่เข้ากับสีตัวเครื่องได้เลยด้วย แต่ถ้ายังไม่พอใจก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Theme Store ได้เลยครับ
Gestures ใหม่ เลื่อน รูด ปาด !
ในส่วนของรูปแบบการควบคุมก็มี Gestures แบบใหม่ก็มีมาให้ปรับเลือกเช่นกัน ถ้าใครที่เบื่อรูปแบบการกดปุ่ม Navigation 3 ปุ่มด้านล่างแล้ว ลองใช้แบบใหม่นี้ก็น่าสนใจดีทีเดียวครับ โดยเราสามารถสไลด์หน้าจอจากมุมซ้าย-ขวาเพื่อแทนที่ปุ่ม Back ได้, เลื่อนขึ้นจากล่างหน้าจอเพื่อเป็นการกลับสู่หน้าโฮม หรือเลื่อนขึ้นจากด้านล่างค้างเพื่อเข้าสู่หน้า Recent App เป็นต้นครับ แต่ด้วยความใหญ่ของตัวเครื่องอาจจะไม่ได้ถนัดในการใช้งานมือเดียวสักเท่าไหร่ ตรงนี้ต้องลองปรับตัวใช้งานดูถ้าจะใช้งานแบบ Gesture ทั้งหมดน่ะครับ :D
สแกนใบหน้ารวดเร็วกดปุ๊บติดปั๊บ !
เช่นเดียวกับ Mate 20 ถึงแม้จะไม่มีตัวเซ็นเซอร์ Dot Projector หรือตัวสแกนใบหน้าขั้นสูงมาแบบตัว Pro แต่สำหรับฟีเจอร์การสแกนใบหน้าด้วยกล้องหน้าก็ทำงานได้รวดเร็วมากๆเช่นกัน ด้วยการดึงเอากล้องหน้ามาใช้งานในระบบปลดล็อค กดปลุกจอมองแว้บเดียวก็ปลดล็อคให้แล้ว รวดเร็วดีจริงๆ
สแกนนิ้วก็หลังเครื่อง ตำแหน่งถนัด
ในส่วนของระบบสแกนลายนิ้วมือ มีมาให้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องแบบที่เราคุ้นเคยในรุ่นก่อนๆ แตะสะดวกได้ง่ายในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งความเร็วนั้นยอดเยี่ยมมากๆ ถึงแม้จะดูไม่ล้ำเท่ากับแบบบนหน้าจอของ Mate 20 Pro แต่ก็ใช้งานง่ายและรวดเร็วกว่า อันนี้ต้องยอมรับเลยครับ :D
หน้าจอใหญ่สะใจแบบนี้แหละดูอะไรก็ฟิน !
เรื่องนี้คงไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นไฮไลท์ที่สุดของ Mate 20 X เลย เพราะหน้าจอไซส์ใหญ่ 7.2 แบบนี้เรียกว่ากล้าฉีกไปได้อย่างดี ซึ่งตัวหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าเอามาดูคอนเทนต์ วิดีโอ ดูหนังหรือเล่นเกมนี่ฟินมากๆ เต็มตาแบบสุดๆ แถมรุ่นนี้ยังได้หน้าจอแบบ OLED มาด้วย การแสดงผลเรียกว่าสวยสด มุมมองกว้าง
แถมตัวหน้าจอแบบ 2.5D ทำให้เห็นรายละเอียดได้แบบเต็มๆดี ใหญ่แบบเต็มตาเลยล่ะ อัตราส่วนหน้าจอแบบ 18.7:9 ก็กว้างพอที่จะดูวิดีโอแบบ 21:9 แล้วเหลือขอบดำเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
แถมตัวติ่งบนหน้าจอที่ไม่ใหญ่มากแบบนี้ยังทำให้การดูคอนเทนต์ต่างๆไม่มีอะไรมากวนจนน่ารำคาญ เวลาเราจะดูวิดีโอแบบเต็มจอก็เต็มได้เกือบครบครับ ติ่งไม่ได้บังมากเท่ากับแบบใหญ่ๆด้วย ถือว่าใช้แก้ปัญหาได้ดีครับ
ในเรื่องระบบเสียงรุ่นนี้ก็ให้ลำโพงคู่ Stereo ซ้ายขวามาพร้อมมีระบบ Dolby Atmos เข้ามาเพิ่มมิติเสียงอีกเช่นเคย โดยเสียงที่ได้ออกจากลำโพงคู่นั้นทำได้ดีมาก เสียงออกมาจากทั้งซ้าย-ขวาแบบ ชัดเจน แถมยังสามารถเร่งเสียงได้ดังสุด 40db อีกต่างหาก !
และเช่นเดียวกันการใช้งานผ่านหูฟัง ก็สามารถเสียบได้ที่ช่อง 3.5 มม.ได้เลย มีหูฟังดีๆก็เสียบได้ทันทีไม่ต้องหาตัวแปลงมาใช้นะครับ เสียงที่ได้ผ่านหูฟังก็ทำได้ดีตามสไตล์ค่ายนี้ครับ
เล่นเกมนี่ยิ่งฟิน เครื่องแรง จอเต็ม !
ในเรื่องการเล่นเกมก็หายห่วงไปได้เลยครับ ประสิทธิภาพของตัวเครื่องก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆอยู่แล้วด้วยหน่วยประมวลผลตัวแรง Kirin 980 บวกกับหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์ระดับ 7 นิ้วแบบนี้ แค่คิดก็ฟินเข้าไปใหญ่แล้ว นอกจากนี้บน Mate 20 X ยังมีระบบระบายความร้อนทั้ง Vapour Chamber และ Graphene Film เป็นรุ่นแรกของโลกด้วย ทำให้การเล่นเกมต่อเนื่องนั้นจัดเต็มยิ่งกว่าเคย !
สำหรับเกมฮิตๆที่เล่นเป็นประจำอย่าง Asphalt 9 เท่าที่เล่นมาจริงๆต้องบอกว่าทำได้ลื่นไหลแบบสมราคาจริงๆ เฟรมเรตนิ่งมากๆ เอฟเฟกต์ในเกมก็มาเต็ม ตัวหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์ก็ช่วยให้เราได้เห็นกราฟิกที่จัดเต็มมากจริงๆครับ
หรือจะเป็นอย่าง FIFA Mobile ก็ได้หน้าจอที่เต็มตามาเติมเต็มในการเล่นได้อย่างดี ติ่งบนหน้าจออย่างที่บอกไป ไม่รบกวนสายตาหรือไอคอนต่างๆที่โชว์ขึ้นมาบนจอเท่าไหร่
ส่วนเกมยิงๆแบบ PUBG Mobile หลังจากที่มีอัปเดตล่าสุดออกมาก็สามารถปรับค่ากราฟิกได้ที่ระดับสูงสุดอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ทำให้เล่นได้อย่างไหลลื่นมากๆ ตัวลำโพงคู่ที่มีมาให้ก็ช่วยให้ได้เสียงที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเสียบหูฟังก็ได้ยินเสียงของศัตรูอย่างครบถ้วนแล้วครับ
เท่าที่ลองจริงๆในเรื่องความร้อนไม่เจอปัญหาจริงๆเครื่องจัดการได้ดีมากๆ ประสิทธิภาพที่แรงล้นเหลือไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องลำโพงที่ดูจะเป็นจุดเด่น กลับเจอปัญหานิดหน่อย ถ้าเราจับเครื่องแบบแน่นๆ เพราะตำแหน่งของลำโพงจะอยู่ที่มุมล่างพอดี เสียงที่ได้อาจจะเบาลงไปนิดหน่อย ถ้าเราวางเครื่องในแนวปกติที่ใช้กัน วิธีแก้ก็อาจจะกลับหัวแล้วให้ลำโพงขึ้นไปทางด้านบนแทนเนาะ
กล้องหลัง 3 ตัวเทพสุดไม่แพ้รุ่นท็อป !
มาถึงอีกเรื่องที่รุ่นนี้ก็ทำได้โดดเด่นไม่แพ้ประสิทธิภาพด้านความบันเทิงต่างๆกับเรื่องกล้อง ที่รุ่นนี้ได้กล้องหลัง Leica 3 ตัวแบบเดียวกับ Mate 20 Pro เลย ทำให้การทำงานต่างๆนั้นอยู่ในระดับท็อปสุดแบบเดียวกัน โดยกล้องหลัง 3 ตัวนี้ก็ประกอบไปด้วย
- เลนส์หลัก:40 ล้านพิกเซล f/1.8 ช่วงเลนส์ 27 มม., เซ็นเซอร์ 1/1.7", PDAF/Laser AF
- เลนส์ Ultrawide: 20 ล้านพิกเซล f/2.2 ช่วงเลนส์ 16 มม., เซ็นเซอร์ 1/2.7", PDAF/Laser AF
- เลนส์ซูม 3X: 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ช่วงเลนส์ 80 มม., เซ็นเซอร์ 1/4", OIS, PDAF/Laser AF
เรียกว่าเห็นสเปคก็ให้มาครบแบบสุดๆแล้ว ทั้งช่วงการใช้งานที่ได้ตั้งแต่กว้างสุดๆไปจนถึงซูมระยะประชิดที่มากกว่าที่เคย
โหมดการใช้งานให้มาครบเลือกใช้กันตามสะดวก
บอกแล้วว่าจัดเต็มเรื่องกล้องขนาดนี้ในส่วนของโหมดต่างๆก็ให้มาครบเรียกว่าเลือกถ่ายกันได้อย่างสนุกเลยล่ะ ทั้ง Aperture หน้าชัด-หลังเบลอ, Portrait ใส่เอฟเฟกต์ละลายฉากหลังได้, Monochrome ขาว-ดำสีเนียนๆ, Night Mode ถ่ายกลางคืนสวยไม่ต้องมีขาตั้ง หรือถ้าจะง่ายสุดๆไม่อยากปรับเยอะก็ Auto นี่แหละจบในโหมดเดียวครับ !
Auto with Master AI ถ่ายง่ายและสวยด้วย !
ในส่วนของโหมด Auto ทั่วไปก็โดดเด่นมากๆด้วยระบบ Master AI ที่ช่วยวิเคราะห์ภาพและแยกแยะปรับแต่งภาพให้เข้ากับภาพที่จะถ่ายนั้นๆได้อย่างลงตัวมากถึง 25 หมวดกว่า 1500 ซีนพร้อมด้วยระบบ Dual NPU ของตัวชิปเซ็ต Kirin 980 ทำให้การวิเคราะห์ภาพและสลับโหมดต่างๆทำได้รวดเร็วมากขึ้น เล็งอาหารขึ้น Food, เล็งท้องฟ้าขึ้น Blue Sky, เล็งคนสลับไปโหมด Portrait ครบและง่ายดีจริงๆครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Auto ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆเลยทีเดียวอย่างที่บอกว่าระบบ Master AI นั้นจะเลือกซีนและความเหมาะสมให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆได้เป็นอย่างดี สลับไปโหมดต่างๆได้อย่างอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดไปไหนเลย ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมายอดเยี่ยมตรงใจเลยแหละ คนที่ไม่ถนัดเรื่องการถ่ายภาพแค่เลือก Auto แล้วรอกดอย่างเดียวได้เลยครับ สะดวกสุดๆ
สลับเลนส์เข้าใจง่ายขึ้น
ในอัปเดตใหม่ของ Mate 20 X เราจะเห็นว่าในการสลับเลนส์ไปมานั้นทำได้เข้าใจง่ายขึ้น เราสามารถเลือกที่ไอคอนจุดๆตรงแถบ 1X ได้เลยว่าถ้าอยากจะซูมเข้าไป 3X กดที่จุดบน หรือถ้าอยากย้อนออกมาเป็นช่วง Ultra Wide ก็กดย้อนให้ขึ้นคำว่า Wide ได้เลย ต่างจากเวอร์ชั่นแรกๆที่ต้องกดซูมไปเรื่อยๆจนครบแล้วถึงจะย้อนกลับมาที่ 0.6X เป็น Wide นั่นเอง
ซึ่งตัวเลนส์ Ultra Wide นี่แหละที่ช่วยให้การถ่ายภาพด้วยมือถือสนุกยิ่งขึ้น ด้วยช่วงที่กว้างออกมากว่าเดิม ให้มิติในการถ่ายที่มากกว่าเดิม แถมกล้องที่ให้มายังคุณภาพดีมากๆ มีค่ารูรับแสงกว้างถึง f/2.2 ใช้ถ่ายในที่แสงน้อยก็ได้ดี มีระบบ Auto Focus มาด้วยถ่ายเลือกมุมดีๆนี่แจ่มมากๆครับ แถมยังสามารถใช้เลนส์นี้ได้กับทุกโหมดหลักๆเลยด้วย (รวมถึงวิดีโอ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากเลนส์ Ultrawide เห็นได้ชัดว่าเลนส์มุมกว้างแบบนี้ช่วยสร้างมุมมองใหม่ๆในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี อย่างเวลาไปเที่ยวถ้าเราอยากได้ภาพมุมกว้างเก็บได้ทั้งคนและวิวก็ควรใช้เลย หรือจะเป็นการถ่ายภาพวิวมุมแปลกตาออกไปก็สลับมาได้ แถมตัวขอบหรือมุมก็ไม่บิดเบี้ยวจนเกินไปทำให้ถ่ายออกมาแล้วยิ่งสนุกไปอีก หรือจะประยุกต์ใช้กับการถ่ายคนในแนวตั้งให้ขายาวขึ้นตัวยืดผอมเรียวก็ทำได้ด้วยนะ คูลมากๆ
Night Mode กลางคืนสวยไม่ต้องพึ่งขาตั้ง !
ในการถ่ายภาพกลางคืน ก็มี Night Mode สุดยอดโหมดกลางคืนที่เข้ามาช่วยให้เราได้ถ่ายภาพบรรยากาศดีๆได้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วยระบบ Huawei A.I.S. ระบบกันสั่นด้วย AI ให้เราสามารถยืนถือ Mate 20 X ไว้นิ่งๆเป็นเวลา 4 - 6 วินาทีได้โดยที่ภาพที่ออกมาจะไม่สั่น และเก็บรายละเอียดของแสงต่างๆมารวมกันทำให้ได้ภาพที่สว่างและคมชัดมากขึ้นในเวลากลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Night Mode อย่างที่เห็นว่าการเก็บภาพในหลายๆสภาพแสงมารวมกันนั้นช่วยให้ได้ภาพที่สวยและดีงามในเวลากลางคืนจริงๆ ใน Night Mode นี้จะเพิ่มสภาพแสงหลายๆอย่างรวมกันให้ภาพที่ได้ไม่ Over หรือ Under จนเกินไปแถมได้ตัว หลายคนถามว่ากันสั่นนี่เราสามารถถือด้วยมือได้นานแค่ไหน เท่าที่ลองจริงๆเราสามารถถือนิ่งได้ที่ราว 6 วินาทียังได้ภาพที่ไม่สั่นอยู่ด้วย Huawei A.I.S. ช่วยไว้ ยอดเยี่ยม
วิดีโอก็แจ่มมี AI ช่วยด้วย
ในส่วนของ วิดีโอรอบนี้ Huawei ก็ทำการบ้านมาดีทีเดียว เพราะด้วยการทำงานของ AI ที่ฉลาดขึ้น เราสามารถใช้งานพวกฟีเจอร์ AI Color ที่ช่วยดูดสีของแบบออกจากฉากได้แบบเรียลไทม์หรือทำหน้าชัด หลังเบลอได้ในวิดีโอได้เลยด้วย
ตัวอย่างวิดีโอแบบ AI Color
หรือวิดีโอแบบทั่วๆไปก็ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยช่วงเลนส์ที่กว้างมากๆจนถึงซูมสุดๆ ทำให้บางครั้งที่เราอยากดถ่ายวิดีโอแบบเก็บให้ครบก็ถอยออกมาเป็น 0.6X แล้วถ่ายกว้างๆได้ รวมไปถึงอยากซูมเข้าไปชัดๆก็ใช้เลนส์ 3X ซูมเข้าไปโดยที่ภาพยังคงคมชัดอยู่ด้วย ตรงนี้ชอบมากๆ ภาพคมทุกช่วงเลยทีเดียวครับ :D
ตัวอย่างวิดีโอจาก Huawei Mate 20 X
กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล สวยชัด
ในส่วนของกล้องหน้ารุ่นนี้ให้ความละเอียดมาสูงถึง 24 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ Mate 20 Pro มาพร้อมความสามารถครบทั้ง Portrait ที่มีการเพิ่มเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังเข้ามา หน้าเนียนในรูปแบบต่างๆมีครบ พร้อมใช้งานครับ
แบตเตอรี่ใหญ่ใช้งานได้จุใจ !
ปิดท้ายกับเรื่องของแบตเตอรี่ที่เป็นจุดขายอย่างของซีรีส์ Mate มาอย่างยาวนาน สำหรับ Mate 20 X ให้แบตเตอรี่ความจุมามากถึง 5,000 mAh อย่างที่บอกครับ ออกมารองรับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ได้เป็นอย่างดีให้เราได้ใช้งานตลอดทั้งวันได้สบายๆ หรือถ้ามีการเล่นที่หนักหน่อยก็ยังอยู่ที่ราวๆวันครึ่งอยู่ หายห่วงเรื่องนี้ไปได้เลย ด้วยหน่วยประมวลผลตัวใหม่ Kirin 980 ที่แรงด้วยและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม แถมได้ AI ช่วยจัดการระบบให้พร้อมใช้อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย !
ส่วนระบบชาร์จถึงแม้จะไม่ได้แรงเท่ากับรุ่น Pro แต่ก็ได้ SuperCharge (22.5W)มาช่วยในเรื่องของการชาร์จไวให้ดีขึ้นอยู่ ใช้เวลาไม่นานมาก และในเรื่องความปลอดภัยก็หายห่วงอีกครับ เพราะระบบ SuperCharge นี้ได้รับรองจากทาง TUV Rheinland แล้วว่าปลอดภัยหายห่วงแน่นอน
สรุปส่งท้าย !
สำหรับ Huawei Mate 20 X นี้ก็ถือว่าเป็นเรือธงไซส์ใหญ่ที่น่าสนใจมากๆอีกรุ่น ตอบโจทย์การใช้งานของเพื่อนๆที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่แบบจริงจัง เอามาใช้งานดูคอนเทนต์ความบันเทิงแบบจัดเต็มที่หาใครเทียบได้ยากในปีนี้ รุ่นนี้ทำได้ดีมากๆ ด้วยหน้าจอมหึมา 7.2 นิ้ว แต่ยังคงพกใส่กระเป๋ากางเกงได้แบบไม่ลำบากนัก ตัวบอดี้และงานประกอบดี สเปคภายในเร็วแรงแบบที่เล่นกันได้เหลือๆไม่ติดขัดอะไร กล้องที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์ก็ไม่ทิ้ง ถึงแม้กลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปที่การเล่นเกมหรือความบันเทิงเป็นหลักก็ตาม เรียกว่าเป็นอีกรุ่นที่ครบมาตั้งแต่ตัวเครื่อง การใช้งานและราคาเลยทีเดียว ใครที่ต้องการอะไรใหญ่ๆจัดเต็มแบบนี้อยู่ อย่ารอช้า Huawei Mate 20 X รุ่นนี้เหมาะที่สุดแล้วครับ :D
ราคาค่าตัวของ Huawei Mate 20 X อยู่ที่ 28,990 บาท
สุดคุ้มกับโปรโมชั่นพิเศษราคาถูกที่สุดพร้อมโปรโมชั่น เริ่มต้นเพียง 17,990 บาท
นอกเหนือจากราคาเต็มแล้ว ก็ยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษจาก dtac ให้เพื่อน ๆ ได้ซื้อสมาร์ทโฟน HUAWEI Mate20 X ถูกที่สุดพร้อมโปรโมชั่น ในราคาเริ่มต้นเหลือเพียง 17,990 บาท หรือลดสูงสุดถึง 11,000 บาท เฉพาะที่ dtac online store เท่านั้น รับของแถมฟรี ปากกา M-Pen มูลค่า 1,090 บาท พิเศษสำหรับลูกค้า BLUE MEMBER และ GOLD MEMBER ไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า ผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน พร้อมกันทั้งค่าเครื่องและค่าบริการล่วงหน้า รายละเอียด สมาร์ทโฟน HUAWEI Mate20 X ราคาถูกที่สุดพร้อมโปรโมชั่น
ตรวจสอบรุ่นและราคาสมาร์ทโฟน Huawei รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ dtac online store
จุดเด่น
- หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่แสดงผลได้เต็มตา ติ่งไม่กวนสายตา
- หน่วยประมวลผลเร็วแรง สเปคจัดเต็ม
- กล้องหลัง 3 ตัวทำงานได้ครบและจัดเต็มที่สุดของ Huawei
- บอดี้ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ
- EMUI 9.0 ทำงานได้ลื่นไหล
- แบตเตอรี่เยอะใช้งานได้ต่อเนื่องทั้งวัน
- ระบบระบายความร้อนทำได้ดี เล่นได้อย่างต่อเนื่อง
จุดสังเกต
- ลำโพงคู่วางตำแหน่งติดขัดเล็กน้อย เวลาจับถือเครื่องแน่นๆ
- ไม่รองรับ Micro-SD (มี NM Card เป็นของตัวเองแต่ยังไม่นิยมนัก)
- ไม่รองรับชาร์จไร้สาย
รีวิวโดย : เฮียแม็พ. TechXcite