Review : ZTE Axon สมาร์ทโฟนดีไซน์พรีเมี่ยม กับสเปคและฟังค์ชั่นโดนๆเพียบ !!
Review : ZTE Axon สมาร์ทโฟนดีไซน์พรีเมี่ยม กับสเปคและ
ฟังค์ชั่นโดนๆเพียบ !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่าน กลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟนตัวใหม่ๆกับ เฮียแม๊พ. TechXcite อีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดจาก ZTE อย่าง ZTE Axon สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ และหน้าตาสวยๆแปลกตา สเปคก็จัดเต็มไม่แพ้คู่แข่งไหนๆ อ๊ะๆ เริ่มจะน่าสนใจขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่ามาติดตามไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่าเจ้า Axon นี้มีอะไรเด่นบ้าง :D
แกะกล่อง ZTE Axon
ก่อนอื่นก็มาดูตัวกล่องกันก่อนเลย ZTE Axon ก็มาในกล่องเรียบๆ ด้านหน้ามีสกรีนคำว่า Axon ไว้เด่นๆเลย
เปิดกล่องออกมา ชะแว้บบบบ ! ก็จะพบกับตัวเครื่องนอนคว่ำโชว์แผ่นหลังอยู่สวยๆเลย ส่วนอุปกรณ์ภายในก็ให้อุปกรณ์มาตรฐานมาครบ
โดยอุปกรณ์ภายในกล่องทั้งหมดก็มีดังนี้ ตัวเครื่อง , คู่มือการใช้งาน , ใบรับประกัน , หูฟัง (แบบ In-Ear) , อแดปเตอร์ชาร์จไฟ , สาย Micro-USB และเข็มจิ้มถาดซิมครับ
ยลโฉม ZTE Axon
ดูอุปกรณ์ในกล่องครบไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวมาชมพระเอกของเราแล้ว การดีไซน์ของ ZTE Axon นั้นถ้าดูจากด้านหน้าแล้วจะรู้สึกแปลกตาจากสมาร์ทโฟนทั่วๆไปบนท้องตลาดพอสมควร ด้านหน้าทั้งบนและล่างหน้าจอจะมีการทำลวดลายช่องๆสวยๆอยู่ด้วย
และในลวดลายจะมีลำโพงสนทนาซ่อนอยู่ด้วย ถัดลงมามีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์จับระยะ เซ็นเซอร์วัดแสงอยู่ครับ
เลยหน้าจอลงมาก็จะมีปุ่มสัมผัสมาตรฐาน ปุ่ม Back , ปุ่มโฮม และปุ่ม Menu อยู่ครับ และในลวดลายก็มีซ่อนลำโพงหลักของตัวเครื่องอยู่เล็กๆด้วย แต่ว่าเป็นลำโพงตัวเดียวนะครับ ไม่ใช่ Stereo บน-ล่าง
มาพูดถึงเรื่องของหน้าจอกันบ้าง ZTE Axon นี้ก็มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full-HD การแสดงผลก็เรียกว่าสวยงามใช้ได้ สีสันนั้นจัดจ้านดี แต่ในเรื่องของมุมมองอาจจะไม่กว้างมากเท่าไหร่ เวลาเรามองจากมุมข้างอาจจะมีสีดรอปลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ
ขนาดของตัวเครื่องก็กำลังพอดีมือครับ แต่อาจจะดูยาวๆไปนิดเพราะมีการเพิ่มขอบบน-ล่างเข้ามาอีกหน่อย สัดส่วนของตัวเครื่องก็อยู่ที่ 77 × 154 × 9.8 มม.จ้า
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่มีการทำลวดลายไว้เล็กน้อยเพื่อให้การสัมผัสง่ายขึ้นและช่องใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด คือจะเลือกใส่ซิมเดียวแล้วเพิ่ม Micro-SD หรือ 2 ซิมก็ตามสะดวก ส่วนรูปแบบของซิมก็เป็น Nano-SIM ทั้งคู่ครับ
ด้านขวามือมีเพียงปุ่ม Power แค่นั้นจ้ะ
ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับสนทนาและพอร์ท Mico-USB
ด้านบนสุดมีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนและพอร์ทหูฟัง 3.5 มม.
พลิกกลับมาด้านหลังก็จะพบกับดีไซน์ที่แปลกตาอีกแล้ว ตรงบริเวณบนและท้ายมีการทำลวดลายหนังเทียม (แต่วัสดุจริงๆก็เป็นพลาสติกนะ) ส่วนแกนกลางก็ใช้วัสดุโลหะอลูมิเนียมผสมแมกนีเซียมอัลลอยสุดแข็งแกร่ง ทาง ZTE บอกว่าเป็นวัสดุเกรดเดียวกับเครื่องบินโบอิ้ง 787 เลยนะ *0*
ส่วนกล้องหลังก็มีพร้อมเลนส์คู่ที่ช่วยในเรื่องการวัดระยะตื้นลึกของวัตถุได้ดียิ่งขึ้น ไฟแฟลชก็ให้มา 2 ดวงด้วยเช่นกัน (แต่เป็นแบบ Tone เดียวนะ) และถัดลงมาก็เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั่นเองจ้ะ
มาดูลายหนังเทียมใกล้ๆกันอีกสักภาพ สัมผัสตรงนี้ก็ดูเนียนๆคล้ายหนังได้อยู่แต่มันดันมีอยู่แค่ข้างบนและล่างนี่แหละ ซึ่งปกติเราคงไม่ได้จับโดนสักเท่าไหร่น่ะนะ :P
สเปค ZTE Axon (Elite)
- รัน Android 5.0.2 ครอบด้วย Mifavor UI 3.2
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full-HD (1080x1920 พิกเซล)
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 810 64-Bit Octa-Core 1.5GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 430 GPU
- แรม 3GB LPDDR4
- รอม 32GB eMMC
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 128GB
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 13+2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง
- รองรับ 3G (850/900/1900/2100)
- รองรับ 4G (800/900/1800/2100)
- รองรับ 2 ซิม
เรียกว่าเห็นสเปคแล้วคงต้องร้อง ว้าว กันเลยล่ะ เพราะจัดมาให้ระดับแนวหน้าในท้องตลาดตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล Snapdragon 810 แรม 3GB กล้องหลัง 2 ตัว ซึ่งตรงนี้ต้องอธิบายก่อนว่าในซีรี่ส์ Axon หลักนั้นผลิตออกมาด้วยกัน 3 รุ่นคือ Axon Pro , Axon Lux และ Axon Elite ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นก็จะแตกต่างกันไปเล็กน้อย อย่างรุ่น Axon Pro ตัวท็อปสุดนันจะมาพร้อมหน้าจอ 2K , Snapdragon 810 และแรม 4GB และที่นำมาจำหน่ายในบ้านเรานั้นเป็นรุ่น ZTE Axon Elite (แต่ในไทยให้เรียกว่า Axon เฉยๆ) สเปคก็อาจจะแตกต่างกันไปนิดหน่อยตามกลไกทางการตลาดครับ
ระบบปฏิบัติการและการใช้งานเบื้องต้น
ZTE Axon ก็มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop ครอบด้วย Mifavor UI เวอร์ชั่น 3.2 ซึ่งตัว Ui ครอบนี้ก็มาพร้อมกับความสามารมากมากเลยทีเดียว
หน้าตาของ UI ก็เรียบๆ พวกแอปทั้งหมดที่ลงหรือดาวน์โหลดมาเพิ่มก็จะมาอยู่ตรงหน้านี้ทั้งหมด ไอคอนต่างๆก็จะออกแนวหรูหราใช้เป็นสีทองสีเทาเป็นหลัก
ตัว Mifavor UI นั้นจะไม่มีพวกระบบ Theme มาให้ แต่ว่าสามารถปรับเปลี่ยนโทนสีของพวก UI ได้อยู่โดยกด Menu ในหน้า Homescreen หรือว่าปาดนิ้วขึ้นมาจากล่างหน้าจอก็ได้ ซึ่งตรงนี้จะมีให้เราเลือกปรับทั้งโทนสี MiColor , Wallpaper , Icon หรือ Effect การเลื่อนหน้าจอเป็นต้นฮะ
ความสามารถ Gesture & Motion
เป็นอีกจุดที่เริ่มจะมีใส่เข้ามาบนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆมากขึ้นสำหรับ ความสามารถพวก Gesture และ Motion หรือการบังคับด้วยท่าทางหรือการควบคุมต่างๆ โดย ZTE Axon นี้ก็มีมาให้เลือกใช้กันด้วย โดยเราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Geature & Motion ครับผม
ในส่วนของหมวด Gesture ก็จะมีให้เลือก 3 คำสั่งหลักๆคือ Close App (ปิดแอปโดยเลื่อน 3 นิ้วลงมา) , Switch App (เลื่อนแอปโดยการใช้ 3 นิ้วปาดไปทางซ้ายหรือขวา) และ Screen Capture (จับภาพหน้าจอโดยการจีบ 3 นิ้วเข้าหากัน)
ส่วนในหมวด Motion ก็มีให้เลือกเยอะอยู่ อาทิ Auto Call (เมื่อมีข้อความเข้ามา เราสามารถโทรกลับอัตโนมัติเมื่อเอามือถือแนบหู) , Auto Answer (รับสายอัตโนมัติ เพียงแค่บกมาแนบหูเวลามีสายเข้า) , Pocket Mode (เพิ่มระดับเสียงเรียกเข้าขณะใส่ไว้ในกระเป๋า) , Flip Mute (คว่ำหน้าจอเพื่อหยุดเสียงเรียกเข้า) เป็นต้นฮะ
ระบบสแกนลายนิ้วมือ รวดเร็วฉับไว
ระบบสแกนลายนิ้วมือก็ถือเป็นอีกเรื่องที่มีเพิ่มเข้ามามากมายบนสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ซึ่ง ZTE Axon ก็มีใส่มาให้ด้วย ตำแหน่งก็อย่างที่ได้เห็นไปแล้ว อยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง การใช้งานก็ง่ายๆเพียงแค่แตะที่ตัวเซ็นเซอร์เท่านั้นก็ปลดล็อคแล้ว ไม่ต้องการกดให้หน้าจอติดก่อนด้วยนะ
ส่วนวิธีการตั้งค่าก็เข้าไปตั้งได้ที่ Settings เลื่อนไปที่หมวด All มุมขวาบน แล้วเลื่อนลงมาหาคำว่า Finger print จากนั้นเข้าไปตั้งค่านิ้วของเราได้เลยตัวแอปจะให้เราได้สแกนนิ้วในหลายๆองศาประมาณ 6 ครั้งเพื่อความแม่นยำในการอ่านค่า และเราสามารถบันทึกนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้วด้วยกันครับผม
ระบบสแกนม่านตาสุดเก๋
ถ้าคิดว่าแค่สแกนนิ้วมือยังธรรมดาไป ZTE Axon ก็ยังมีระบบสแกนม่านตาเพิ่มระดับความปลอดภัยเข้าไปได้อีก โดยตัวเครื่องจะใช้กล้องหน้าในการจับดวงตาของเรา (จริงๆก็คล้ายๆกับ Face Unlock ความสามารถของ Android 4.0 ICS แหละ) วิธีการใช้งานก็เพียงกดปลุกหน้าจอแล้วเลื่อนแถบหน้าจอจากด้านบนลงมาก็จะมีให้เราสแกนม่านตาครับ
การตั้งค่าก็เข้าไปตั้งได้ที่ Settings เลื่อนไปที่หมวด All มุมขวาบน แล้วเลื่อนลงมาหาคำว่า SkyEye จากนั้นเข้าไปตั้งค่า Register eyeprint ให้ตัวเครื่องจดจำดวงตาของเราได้เลยครับผม
ระบบปลดล็อคด้วยเสียง Voice Print
หรือถ้ามือไม่ว่างจะมีสแกนลายนิ้วมือ ดวงตาก็ไม่พร้อมที่จะสแกน ก็ยังมีระบบปลดล็อคด้วยเสียง Voice Print มาให้เลือกอีกด้วยนะ โดยเราวามารถใช้งานโดยการพูดคำพูดที่เราบันทึกไว้โดยให้ตัวเครื่องมีองศาประมาณ 45 องศากับหน้าของเรา วิธีการตั้งค่าก็เข้าไปตั้งได้ที่ Settings เลื่อนไปที่หมวด All มุมขวาบน แล้วเลื่อนลงมาหาคำว่า Voice Print จากนั้นเข้าไปบันทึกคำพูดที่เราจะใช้ปลดล็อคเครื่อง แค่นี้ก็ใช้ระบบปลดล็อคด้วยเสียงได้แล้ว
จัดการระบบเครื่องง่ายๆด้วย Mi-Assistant
ตรงนี้ก็จะคล้ายๆผู้ช่วยส่วนตัวครับ คือตัวแอป Mi-Assistant จะให้เราได้จัดการระบบของตัวเครื่องแบบง่าย อาทิ การสแกนไวรัสด้วยแอป Avast , เคลียร์ไฟล์ขยะ , จัดการตัวแอปต่างๆ เป็นต้นฮะ
Mi Pop ปุ่มเล็กๆช่วยในการกด
อันนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายมากมาย เพราะมันคือปุ่มช่วยในการกดเล็กๆเป็น pop-up ลอยๆอยู่ มีให้เลือกแค่ปุ่ม Back และปุ่มโฮม เท่านั้น เราสามารถเข้าไปเปิดได้ที่ Settings เลื่อนไปที่หมวด All มุมขวาบน แล้วเลื่อนลงมาหาคำว่า Mi-Pop ครับผม
ประสิทธิภาพของ ZTE Axon
มาต่อในเรื่องการวัดประสิทธิภาพของเจ้า Axon ตัวนี้กันบ้าง อย่างที่ได้ทราบกันว่าตัวเครื่องนั้นให้สเปคมาระดับสูงมาก หน่วยประมวลผล Snapdragon 810 แบบ 64-Bit แรม 3GB คะแนนทดสอบจาก AnTuTu Benchmark ก็ออกมาที่ 47971 คะแนนกันเลยทีเดียว อู้หูววว ! *0*
การเล่นเกมบน ZTE Axon
มาต่อกันในเรื่องของการเล่นเกมกันเลย ด้วยสเปคระดับนี้แล้ว การเล่นเกมก็คงจะลื่นไหลสะใจอย่างแน่นอน เราเลยจับเอาเกมกราฟิกหนักๆอย่าง Need for Speed: No Limits , FIFA 16 Ultimate Team และ Eternity Warrior 4 มาทดสอบกัน
ผลก็ออกมาลื่นไหลตามคาดครับ ภาพกราฟิกก็ออกมาสวยงาม แต่จะติดนิดหน่อยตรงที่ชิปเซ็ตนั้นเป็น Snapdragon 810 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความร้อนแรงไม่น้อย และจากเท่าที่ลองเล่นเกมจริงๆจังก็พบว่าร้อนพอตัวเลยทีเดียว และพอมีอาการร้อนเกิดขึ้นมากๆ ก็ทำให้การเล่นเกมไม่ราบลื่นเท่าที่ควร เกิดอาการกระตุกให้เห็นเป็นบางจังหวะเลยล่ะครับ
การดูหนังฟังเพลงบน ZTE Axon
ดูในเรื่องการเล่นเกมไปแล้ว มาต่อที่เรื่องของการดูหนังกันบ้าง ด้วยหน้าจอขนด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full-HD แบบนี้ก็น่าจะหายห่วงเรื่องความบันเทิงเช่นเดียวกัน เพราะการแสดงผลก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สวยงาม แถมขนาดก็ใหญ่พอดี ไม่เป็นปัญหาด้วย ส่วนในเรื่องความร้อนก็ไม่ค่อยร้อนมากนะครับ ถ้าเทียบกับตอนเล่นเกมอันนั้นร้อนกว่าเยอะ
เรื่องการฟังเพลงหรือคุณภาพของลำโพงก็ใช้ได้ครับ ระดับเสียงดังดี ถึงแม้ตัวลำโพงหลักจะมีเพียงตัวเดียวก็ตาม แต่แหม ทำรูปทรงออกมาแบบนี้ตอนแรกก็คิดว่าเป็นลำโพงคู่ซะอีก 555
กล้องถ่ายภาพของ ZTE Axon
มาดูทีเด็ดของรุ่นนี้กันต่อ นั่นคือกล้องถ่ายภาพนั่นเอง ZTE Axon นั้นมาพร้อมกล้องหลังคู่ซึ่งที่มี 2 เลนส์แบบนี้ก็เพราะเอาไว้ใช้ช่วยการจับระยะให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง โดยจะแบ่งเป็นกล้อง 13 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล อารมณ์คล้ายๆ HTC One M8 นั่นเองฮะ
ซึ่งต้องใช้งานกับโหมด Bokeh นั่นเอง โดยในโหมดนี้เราจะสามารถปรับ f/stop ตั้งแต่ 8.0 ไปจนถึง 1.0 เลยทีเดียว (ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยน่ะนะ)
เอาเป็นว่าลองไปชมตัวอย่างภาพจากโหมด Bokeh กันดีกว่าฮะ
โดยรวมก็ถือว่าเบลอได้เนียนใช้ได้เลยทีเดียว สำหรับตัวซอฟต์แวร์ที่มีการเพิ่มระดับความลึก-ตื้นของวัตถุกับฉากหลัง ซึ่งตรงนี้ก็คงเพราะว่าได้เลนส์คู่มาช่วยจับระยะให้ด้วย และตัวฮาร์ดแวร์กล้องจริงๆก็มี f/stop กว้างถึง 1.8 อยู่แล้วด้วยนั่นเองฮะ
นอกจากนี้เรายังสามารถมาปรับเลือกจุดโฟกัสได้ที่หลังจากใน Gallery ด้วย จะเลือกหน้าชัดหลังเบลอ หรือ หน้าเบลอหลังชัด หรือจะปรับระดับความเบลอก็ทำได้ด้วยครับ :D
ส่วนโหมด Auto ที่ให้มาก็ฉลาดใช้ได้ มีระบบวัดแสงแบบ Real Time แตะปุ๊บก็ปรับแสงตามปั๊บ เอาเป็นว่าลองไปชมตัวอย่างภาพที่ถ่ายจากกล้องหลังในโหมด Auto กันดีกว่าฮะ
ตัวอย่างภาพจากโหมด Auto
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด HDR
ส่วนโหมดการถ่ายภาพอื่นๆก็มีให้เลือก 6 โหมดด้วยกัน อาทิ Manual , Interval , Multi Exposure , Slow Motion , Panorama , Sport
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Multi Exposure
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล Beauty Mode 5 ระดับ
กล้องหลังจัดเต็มไปซะขนาดนั้นแล้ว กล้องหน้าก็เด่นไม่แพ้กันเพราะมาพร้อมกับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แถมมุมมองก็ยังกว้างใช้ได้เลยด้วย (กว้าง 84 องศา) อีกทั้งโหมด Beauty สุดจำเป็นสำหรับสาวๆก็มีให้เลือกปรับถึง 5 ระดับ รับรองความเนียนใสแน่นอนครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ ZTE Axon (Beauty +3)
การใช้งานแบตเตอรี่
ปิดท้ายกันที่เรื่องของแบตเตอรี่กันอีกเช่นเคย Axon ตัวนี้ก็ให้แบตเตอรี่ความจุอยู่ที่ 3000 mAh ถ้าเทียบกับขนาดหน้าจอและอื่นๆก็ถือว่า กำลังดี และจากการใช้งงานจริงก็ถือว่าใช้งานได้ตลอดรอดวัน ตัวเครื่องมีโหมด Auto Adjust CPU ช่วยปรับตั้งค่าตัว CPU ให้เข้ากับการใช้งานทั่วไปของเราด้วย
สรุปผลการทดสอบกันเลย
ZTE Axon ก็เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยหน้าตาที่แปลกใหม่ วัสุดงานประกอบที่พรีเมี่ยม เรียกว่าใครไม่ชอบดีไซน์เดิมๆทรงเหลี่ยมๆของสมาร์ทโฟนปัจจุบันตัวนี้ตอบโจทย์ทีเดียว กล้องที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ในการถ่ายภาพได้ดีจริงๆ ทั้งโหมด Auto ที่ถ่านง่าย ได้ภาพสวย โหมด Bokeh ที่เพิ่มลูกเล่นฉากหลังเบลอได้อย่างเนียนๆ หรือจะเป็นกล้องหน้าที่ให้มาถึง 8 ล้านพิกเซลจะเซลฟี่เป็นกลุ่ม เซลฟี่เดี่ยวก็โดนใจเลยล่ะ ส่วนในเรื่องของสเปคก็ยอดเยี่ยมระดับแนวหน้าของตลาดตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 5.5 นิ้ว Full-HD , Snapdragon 810 , แรม 3GB ก็เรียกว่าเหลือๆใช้สำหรับการใช้งานทั่วไปหรืองานหนักๆได้อย่างสบายๆ แต่อาจจะมีปัญหานิดหน่อยตรงเรื่องของความร้อนจากเจ้าชิปเซ็ตมังกร (Snapdragon 810) นี่แหละ ที่พอเล่นหนักๆจริงก็พบว่ามันร้อนตามข่าวลือที่ได้ยินมาเลย แต่การใช้งานทั่วๆไปก็สบายๆไม่มีปัญหาครับ :D
ราคาเปิดตัวของ ZTE Axon ก็อยู่ที่ 17,900 บาท
จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่อง สวยแปลกตา
- วัสดุงานประกอบดี จับแล้วรู้สึกแข็งแกร่ง
- สเปคระดับท็อปๆในตลาดตอนนี้
- กล้องหลังคู่ ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนถูกใจ
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลมุมมองกว้าง ไฟล์ภาพสวย ใส
จุดสังเกต
- เวลาเล่นเกมหนักๆ เครื่องร้อนพอสมควรเลยล่ะ
รีวิวโดย : เฮียแม๊พ. TechXcite