Redmi K40 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีนครับ โดยมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Redmi K40, Redmi K40 Pro และ Redmi K40 Pro+ ซึ่งในรุ่น Pro และ Pro+ มีความใกล้เคียงกันมาก และยังมาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นท็อปสุดของ Qualcomm คือ Snapdragon 888 โดยทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้เลยครับ
ก่อนอื่นเลย สมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นใช้จอแสดงผล E4 AMOLED เหมือนกันทุกรุ่นครับ โดยหน้าจอนี้เคยได้รับคะแนนทดสอบที่ระดับ A+ ทำให้ขณะใช้งานคุณอาจจะรู้สึกเหมือนกำลังอ่านหนังสือเรียนเลยทีเดียว ซึ่งสรุปแล้วถือเป็นจอแสดงผลที่ดีมาก ซึ่งมาพร้อม touch sampling rate ที่ 360Hz, อัตราการรีเฟรช 120Hz, การแสดงสีสันแบบ True Tone และมีรอยบากที่เล็กมาก
มาถึงประสิทธิภาพการใช้งาน ที่อาจเป็นหนึ่งในความแตกต่างที่ชัดที่สุดระหว่าง Redmi K40 และเวอร์ชัน Pro ทั้ง 2 รุ่น โดยในรุ่น Pro และ Pro+ จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 888 ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในชิปเซ็ตมือถือที่ดีที่สุด พัฒนาแบบ 5nm พร้อมรองรับ 5G นอกจากนี้ก็จะเป็นหน่วยความจำ LPDDR5 เพื่อความเร็วในการอ่านและเขียนที่ดีขึ้น ในขณะที่ K40 มาพร้อม CPU Snapdragon 870 ที่อาจดูเป็นรอง แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็น 8-Series ของ Qualcomm เช่นกัน ลองไปดูรายละเอียดที่่น่าสนใจแยกกันเป็นรุ่นๆ ตามด้านล่างนี้เลยครับ
Xiaomi Redmi K40 Pro+
Redmi K40 Pro+ มาพร้อมกล้องเซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM2 108MP ขนาด 1 / 1.52” และมาพร้อมกับการรองรับการ Binning 9-in-1 ซึ่งทำให้ขนาดพิกเซลที่ใช้งานจริงที่ 2.1 µm รองรับ Dual Native ISO และ Super Night Scene 2.0 เพื่อรับมือกับทุกสภาพแสง
ต่อมาเป็นกล้องเลนส์มุมกว้าง ultrawide ความละเอียด 8MP (119 °, f / 2.2) + มาโคร และเทเลโฟโต้ 5MP ทั้งคู่ ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้อง 20MP โดยกล้องในย่อหน้านี้จะแชร์กันระหว่างรุ่น Pro และ Pro+ ครับ ดังนั้น 2 รุ่นนี้จะแตกต่างกันที่กล้องหลักเท่านั้น
โดยระบบกล้องสามารถบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30 fps และวิดีโอ 4K ที่ 30 และ 60 fps คลิปสโลว์โมชั่นสามารถถ่ายได้สูงสุด 960 fps ที่ความละเอียด 1080p กล้องเซลฟี่มีความละเอียดสูงสุดที่ 1080p ที่ 30 fps สำหรับวิดีโอปกติ และ 120 fps ที่ 720p สโลว์คลิป
อย่างที่บอกว่าไปว่า CPU ใช้เป็น Snapdragon 888 (5 นาโนเมตร) ที่อัดแน่นไปด้วยคอร์ซีพียู Cortex-X1 ที่รวดเร็ว, Adreno GPU ซึ่งเร็วกว่าบน SD 865 ถึง 35% และ NPU ให้พลังประมวลผล 26 TOPS แก่อัลกอริทึม AI ชิปเซ็ต ทำงานร่วมกับ LPDDR5 RAM และ UFS 3.1 ที่รวดเร็ว
และแม้ว่า Pro และ Pro+ อาจไม่รองรับ mmWave 5G แต่ก็ทดแทนด้วย Wi-Fi 6E ซึ่งสามารถเข้าถึงความเร็วได้ถึง 3.5Gbps รวมถึงมาพร้อม Bluetooth 5.2 เวอร์ชั่นใหม่ด้วย
Redmi K40 Pro+ จะมี RAM 12GB ให้ใช้แบบเดียว และมีที่เก็บข้อมูล 256GB เปิดตัวที่ราคา 3,700 หยวน (ประมาณ 17300 บาท) ซึ่งเปิดตัวสั่งจองแล้ว และจะเริ่มจัดส่งในวันที่ 4 มีนาคม
Xiaomi Redmi K40 Pro
ต่อมาเป็น Redmi K40 Pro ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ 64MP สำหรับกล้องหลักที่มีรูปแบบออปติคอล 1 / 1.7 นิ้ว 4-in-1 binning ขนาดพิกเซลที่ใช้งานจริงคือ 1.6µm ที่ถือว่าดีทีเดียว ซึ่งถ้าอยากได้ดีกว่านี้ ต้องขยับไปรุ่น Pro+ แล้วครับ โดยกล้องตัวนี้สามารถบันทึกวิดีโอ 8K ที่ 30 fps เช่นเดียวกับ Pro+ อีกด้วย
Redmi K40 Pro เปิดราคาเริ่มต้นที่ 2,800 หยวนสำหรับรุ่น 6/128 GB (ประมาณ 13,000 บาท) และน่าแปลกที่ รุ่น Pro ไม่มีรุ่น RAM 12GB ให้เลือก ในขณะที่รุ่น K40 ธรรมดากลับมี โดยตอนนี้เปิดให้สั่งจองแล้ว และจะเริ่มจัดส่งในวันที่ 4 มีนาคมเช่นกัน
Xiaomi Redmi K40
สุดท้ายเป็น Redmi K40 ที่มาพร้อม CPU Snapdragon 870 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของ 865 ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ารุ่นนี้ไม่ธรรมดาทีเดียว โดยถูกปรับจูนเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาของแกนหลักเป็น 3.2 GHz ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดในตลาดในขณะนี้ และมี Adreno 650 GPU ที่แรงกว่ารุ่นระดับกลางแทบทุกรุ่น และ NPU ได้รับการจัดอันดับที่ 15 TOPS เลยทีเดียว
Xiaomi ถือว่าไม่มีกั๊กครับ แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นเล็กก็ตาม เช่นจัด LPDDR5 RAM และที่เก็บข้อมูล UFS 3.1 เช่นเดียวกับบนรุ่น Pro โดยมีให้เลือกคือ RAM 6 GB และที่เก็บข้อมูล 128 GB แต่ก็มีรุ่นอื่นให้เลือกด้วย เช่น RAM ขนาด 8 GB และ 12 GB พร้อมใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลจะสูงถึง 256 GB
ทางด้านกล้องถ่ายภาพ มาพร้อมโมดูลหลัก Sony IMX582 เซ็นเซอร์ขนาดเล็ก 1/2” ที่มีความละเอียด 48MP และพิกเซล 0.8 µm โดยอยู่ด้านหลังรูรับแสง f / 1.8
การบันทึกวิดีโอทำได้ที่ 4K / 30 fps ซึ่งอาจดูน่าผิดหวังไปนิดหน่อย เพราะชิปเซ็ต S870 สามารถไปได้สูงสุดที่ 8K / 30 fps (และ 4K / 60 fps) มีโหมดสโลว์โมชั่น และกล้องเซลฟี่ก็เหมือนกันกับ 2 รุ่นพี่
นอกจากนี้สเปคอื่นๆ ก็รองรับทั้ง 5G sub-6GHz, Wi-Fi 6 (non-E) และ Bluetooth 5.1
Xiaomi Redmi K40 สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในราคา 2,000 หยวนสำหรับรุ่น 6/128 GB (ประมาณ 9,300 บาท) โดยมีสีให้เลือก 3 แบบ คือ Bright Black, Dreamland และ Sunny Snow
source: gsmarena