หลังจากเปิดตัวรุ่น V80 Design ไปเมื่อช่วงต้นเดือน ล่าสุด nubia ก็ได้เปิดตัว nubia V80 Pro ตามมาอย่างติดๆ โดยขณะนี้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศเม็กซิโก และคาดว่าจะขยายสู่ตลาดอื่นๆ ในเร็ววันนี้ nubia V80 Pro มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.75 นิ้ว ความละเอียด 900x1940 พิกเซล อัตรารีเฟรช 120Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Unisoc T7280 SoC พร้อม RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ที่สามารถเพิ่มได้ ตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh และมีขนาด 166 x 79 x 7.7 มม. น้ำหนัก 195 กรัม.
.jpg)
จุดเด่นสำคัญของรุ่น Pro คือกล้องหลังหลักความละเอียดสูงถึง 108MP แม้ว่ากล้องอีกสองตัวที่มาคู่กันจะเป็นเพียงกล้องตกแต่ง (Decorative Cameras) คือกล้อง 2MP บางชนิดและกล้อง "AI Camera" สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่มีความละเอียด 16MP นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 16 สิ่งที่น่าสังเกตคือ V80 Pro เป็นรุ่นที่รองรับแค่ 4G เท่านั้น ไม่รองรับ 5G จากสเปกที่เห็นนี้ V80 Pro แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฝาแฝดของ nubia V80 Design และ ZTE Blade V80 Design โดยมีข้อแตกต่างหลักคือความละเอียดของกล้องหลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 108MP ในรุ่น Pro โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม แต่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการในขณะนี้.
.jpg)

หมีเด้งวิเคราะห์ : nubia V80 Pro—กลยุทธ์ 'Megapixel Maximization' ในตลาดกลาง
การเปิดตัว nubia V80 Pro ที่มีสเปกเกือบจะเหมือนกับรุ่น Design ทุกประการ ยกเว้นการอัปเกรดความละเอียดของกล้องหลังหลักจากรุ่นก่อนหน้าเป็น 108MP ชัดเจนว่า nubia กำลังใช้กลยุทธ์ "Megapixel Maximization" เพื่อสร้างจุดขายที่ดึงดูดใจในตลาดระดับกลาง การใช้ตัวเลขความละเอียดสูง (108MP) เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคที่เน้นสเปก อย่างไรก็ตาม การใช้ชิปเซ็ต Unisoc T7280 และการ จำกัดแค่ 4G ในยุคที่ 5G กำลังแพร่หลาย อาจเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ V80 Pro แข่งขันได้ยากในบางตลาด แม้ว่าจะมีหน้าจอ 120Hz และแบตเตอรี่ 5,000mAh ที่ถือว่าเป็นสเปกมาตรฐานที่ดี การมีกล้องอีกสองตัวที่เป็นเพียงกล้องตกแต่ง (Decorative Cameras) ก็เป็นสิ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตในเชิงการตลาดที่ต้องการให้โทรศัพท์ดูเหมือนมีกล้องจำนวนมากเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ.
source: gsmarena