สำหรับแฟนคลับของ Nothing และคนที่ชอบความไม่เหมือนใครต้องตื่นเต้นกับข่าวนี้! หลังจากที่ Nothing ประกาศโปรเจกต์ Community Edition สำหรับ Nothing Phone ไปตั้งแต่เดือนมีนาคม วันนี้มือถือรุ่นพิเศษที่เกิดจากไอเดียของชุมชนก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว คือ Nothing Phone (3a) Community Edition และที่สำคัญคือมันจะถูกผลิตออกมาเพียง 1,000 เครื่องทั่วโลกเท่านั้น! ถ้าอยากได้มาครอบครองล่ะก็ ต้องรีบลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 ธันวาคม และจะมีช่วงเวลาขายแบบจำกัดสุดๆ ในวันที่ 12 ธันวาคม บนเว็บไซต์ของ Nothing เท่านั้นนะ!

เบื้องหลังการออกแบบรุ่นนี้มาจากไอเดียที่สมาชิกในชุมชนส่งเข้ามามากกว่า 700 รายการ ทั้งด้านดีไซน์, ซอฟต์แวร์, อุปกรณ์เสริม และแคมเปญการตลาด ซึ่งผู้ชนะก็ประกอบไปด้วย Emre Kayganacl ที่ชนะด้านฮาร์ดแวร์, Ambrogio Tacconi และ Louis Aymond ที่ชนะด้านอุปกรณ์เสริม รวมถึง Jad Zock สำหรับหน้าจอล็อกและวอลเปเปอร์ โดยทุกคนได้ทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ของ Nothing ที่กรุงลอนดอนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมา

ดีไซน์ของฮาร์ดแวร์ได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ในช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเป็นความย้อนยุคที่มาพร้อมความล้ำยุค ส่วนอุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมกันคือ กล่องลูกเต๋า ที่สลักตัวเลขด้วยฟอนต์ Ndot 55 ของ Nothing เอง และยังมีการปรับแต่งซอฟต์แวร์เฉพาะรุ่นนี้ด้วย เช่น หน้าจอแสดงนาฬิกาบนหน้าจอล็อกที่ออกแบบมาเพื่อให้ ลดความวุ่นวายทางสายตา และวอลเปเปอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เชื่อมโยงสีและพื้นผิวของฝาหลังเข้ากับอินเทอร์เฟซด้านหน้าอย่างลงตัว

สำหรับสเปกภายในนั้นจะเหมือนกับ Nothing Phone (3a) รุ่นปกติทุกประการ คือใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 SoC พร้อมหน้าจอ AMOLED 6.77 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 3,000 nits กล้องหลังสามตัว (50MP หลักพร้อม OIS + 50MP Telephoto ซูม 2x + 8MP Ultrawide) และแบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จไว 50W โดยรุ่น Community Edition นี้มาพร้อม RAM 12GB และความจุ 256GB และมีราคาอยู่ที่ £379 / €379 / ₹28,999 หรือประมาณ 14,500 - 15,500 บาท

หมีเด้งวิเคราะห์ : การที่ Nothing เปิดตัว Community Edition ในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 เครื่อง และให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบอย่างแท้จริงนั้น ถือเป็น กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Brand Building) ที่ชาญฉลาดมาก Nothing ไม่ได้เน้นแค่การขายสินค้า แต่เน้นการสร้างความผูกพันและมอบความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับแฟนๆ ที่ภักดี การผลิตลิมิเต็ดเพียง 1,000 เครื่อง ทำให้มือถือรุ่นนี้มี มูลค่าด้านการสะสม (Collector's Value) สูงขึ้นทันที แม้ว่าสเปกจะไม่ต่างจากรุ่นปกติ แต่ความพิเศษด้านดีไซน์และเรื่องราวเบื้องหลังก็เพียงพอที่จะดึงดูดแฟนๆ ให้ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อ 'ความเป็นเอกลักษณ์' ที่เกิดจากไอเดียของพวกเขาเอง.
source: gsmarena