วันนี้ Redmi Note 15 Pro+ รุ่น Global ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่รุ่นนี้เปิดตัวในจีนไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่ความสนุกของการเปิดตัวรอบนี้คือ "รุ่นนอกประเทศ" ไม่ได้ยกสเปกเดิมมาทั้งหมด! Xiaomi ตัดสินใจปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพื่อเอาใจตลาดโลกโดยเฉพาะ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดุเดือดและน่าสนใจมากทีเดียว
สิ่งที่ Xiaomi ตัดสินใจ "อัปเกรด" ให้กับรุ่น Global นั้นคือเรื่องกล้องหลัก! รุ่นจีนมาแค่ 50MP แต่รุ่น Global จัดเซ็นเซอร์ 200MP HPE มาให้เลย พร้อมฟีเจอร์ In-sensor zoom 2x และ 4x และเลนส์ที่รองรับทางยาวโฟกัสถึง 5 ระยะ (23mm ถึง 92mm) ถือว่าโหดมากในด้านความละเอียด แต่ก็ต้องแลกกับการ "ตัด" กล้อง Telephoto 50MP ที่มีในรุ่นจีนทิ้งไป ทำให้รุ่น Global เหลือเพียงกล้องหลัก 200MP และ Ultrawide 8MP เท่านั้น
.jpg)
นอกจากเรื่องกล้องแล้ว แบตเตอรี่และการชาร์จก็ถูกปรับเปลี่ยนเช่นกัน รุ่นจีนมาพร้อมแบตเตอรี่ 7,000 mAh และชาร์จ 90W แต่รุ่น Global ตัดขนาดแบตลงเหลือ 6,500 mAh (แต่ใช้เซลล์ Si/C ที่ทันสมัยกว่า) แต่เร่งความเร็วในการชาร์จขึ้นเป็น 100W และยังรองรับการชาร์จย้อนกลับ 22.5W ด้วย! การเปลี่ยนแบตเป็น 6,500mAh/100W นี้ ทำให้ตัวเครื่องรุ่น Global หนาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นจีน
ส่วนอื่น ๆ ที่ยังคงความยอดเยี่ยมและใช้ร่วมกันคือ ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 4 ที่ทรงพลัง, กล้องหน้า 32MP, ระบบ HyperOS, Bluetooth 5.4 และ NFC หน้าจอ AMOLED 6.83 นิ้ว 120Hz ความสว่างสูงสุด 3,200 nits ก็ยังอยู่ครบถ้วน แต่รุ่น Global เลือกใช้กระจกป้องกัน Corning Gorilla Glass Victus 2 แทน Dragon Crystal Glass ในรุ่นจีน เพื่อความทนทานที่เป็นสากล และยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่โคตรโหด IP66, IP68, IP69 และ IP69K เรียกได้ว่ากันได้ทุกรูปแบบจริงๆ
.jpg)
ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่ใส่มาให้ เช่น ลำโพงคู่, รองรับ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio, รองรับ eSIMs รวมถึงฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Offline Communication ของ Xiaomi ที่ช่วยให้สามารถสื่อสารด้วยเสียงระยะทางหลายกิโลเมตรได้โดยไม่ต้องมีสัญญาณเครือข่าย และ Xiaomi Surge T1S Tuner ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณทั้งหมด มีให้เลือก 3 สีคือ Black, Mocha Brown และ Glacier Blue
สำหรับราคาเปิดตัวในตลาดโลกนั้น รุ่นเริ่มต้น 8GB/256GB มีราคาอยู่ที่ €499 (ประมาณ 19,500 บาท) ส่วนรุ่นท็อป 12GB/512GB ราคา €549 (ประมาณ 21,500 บาท) โดยจะเริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าในวันที่ 5 มกราคมนี้

หมีเด้งวิเคราะห์ : การที่ Xiaomi ตัดสินใจ "สลับ" สเปกโดยแลก "แบตเตอรี่ก้อนใหญ่/กล้อง Telephoto" ในรุ่นจีน กับ "กล้อง 200MP/ชาร์จ 100W" ในรุ่น Global นั้น เป็น กลยุทธ์การปรับสเปกให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตลาด (Market-Specific Customization) Xiaomi เล็งเห็นว่าตลาด Global ให้ความสำคัญกับ "ความละเอียดกล้องที่สูงที่สุด" (200MP) และ "ความเร็วในการชาร์จ" (100W) มากกว่า Telephoto และแบตเตอรี่ 7,000mAh ที่อาจทำให้เครื่องหนาและหนักขึ้น การให้มาตรฐาน IP69K และ Gorilla Glass Victus 2 ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในความทนทาน ซึ่งถือเป็นการสร้าง "ความว้าว" ให้กับรุ่นที่นำมาขายทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับราคาเกือบสองหมื่นบาท
source: gsmarena