มีภาพเรนเดอร์แรกของ iPhone Fold ที่อ้างอิงจากไฟล์ CAD (Computer-Aided Design) สำหรับผู้ผลิตเคสและอุปกรณ์เสริมได้ถูกปล่อยออกมาแล้วครับ ซึ่งเผยให้เห็นดีไซน์และมิติที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ จนต้องอุทานว่า "นี่มัน iPhone จริงๆ เหรอเนี่ย!"
.jpg)
โดยเมื่อกางออก หน้าจอหลักด้านในจะมีขนาด 7.76 นิ้ว ความละเอียด 2713x1920 พิกเซล แต่สิ่งที่ Apple ต้องการคือไม่ให้อัตราส่วนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเหมือนคู่แข่ง แต่จะเน้นการใช้งานใน โหมดแนวนอน (Landscape) ทันทีที่กางออก ซึ่งนักวิเคราะห์คาดเดาว่านี่อาจเป็นกลยุทธ์อัจฉริยะของ Apple เพื่อให้แอปพลิเคชันของ iPad สามารถทำงานบนจอพับได้อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันแรกโดยที่นักพัฒนาไม่ต้องปรับแก้อะไรเลย
มิติของตัวเครื่องก็แปลกตาไม่แพ้กัน เมื่อพับแล้ว iPhone Fold จะมีขนาด 120.6 x 83.8 x 9.6 มม. ซึ่งมีรูปทรงที่ค่อนข้างคล้ายหนังสือมากกว่ามือถือพับได้อื่นๆ ในตลาด แต่เมื่อกางออก จะบางเฉียบเพียง 4.8 มม. (ไม่รวมส่วนกล้อง) ส่วนจอด้านนอก (Cover Display) มีขนาด 5.49 นิ้ว พร้อมความละเอียด 1422x2088 ที่มีอัตราส่วนที่ผิดปกติอย่างมาก
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ด้านกล้องก็มีจุดที่น่าสนใจ โดยหน้าจอหลักด้านในจะมี กล้องเซลฟี่ใต้จอ (In-Display Selfie Camera) เพื่อให้หน้าจอไร้รอยรบกวน ในขณะที่จอด้านนอกจะใช้ดีไซน์รอยเจาะ (Hole-Punch) แบบปกติ ส่วนกล้องหลังนั้นมาในรูปแบบกล้องคู่ (Dual Camera) ที่จัดเรียงอยู่ในแถบรูปทรงรี คล้ายกับดีไซน์ของ iPhone Air ที่มีข่าวลือมาก่อนหน้านี้
สำหรับช่วงเวลาเปิดตัว นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Ming-Chi Kuo ได้ออกมาเตือนว่า แม้ Apple อาจจะยังคงวางแผนเปิดตัว iPhone Fold ในช่วงปลายปี 2026 แต่เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตในระยะแรกและความท้าทายในการผลิตอื่นๆ ทำให้การจัดส่งสินค้าอาจจะล่าช้าออกไปจนกว่าจะถึงช่วงต้นปี 2027 โดย Kuo ชี้ว่าปริมาณสินค้าที่ส่งมอบได้ในช่วงปลายปี 2026 น่าจะยังจำกัดอยู่ แม้ว่าความต้องการของตลาดจะสูงมากก็ตาม
.jpg)
สิ่งที่น่าจะทำให้สาวกต้องทุบกระปุกอย่างแรงคือราคา! iPhone Fold ถูกคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในราคาเริ่มต้นที่ประมาณ $2,400 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเงินไทยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 83,000 บาท
หมีเด้งวิเคราะห์ : การที่ Apple ออกแบบ iPhone Fold ให้มีอัตราส่วนที่กางออกแล้วคล้าย iPad mini มากที่สุด เป็น กลยุทธ์การสร้าง "แท็บเล็ตพับได้ที่ไร้รอยต่อ" (Seamless Foldable Tablet) เพื่อดึงดูดผู้ใช้กลุ่มพรีเมียมที่ต้องการอุปกรณ์ที่รวมเอาประสบการณ์ของ iPhone และ iPad เข้าไว้ด้วยกัน โดยตั้งราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในตลาดเพื่อสะท้อนถึงนวัตกรรมและ "ความเป็น Apple" ในการแก้ไขปัญหาเรื่องรอยพับนั่นเอง