Xiaomi ได้ฤกษ์เปิดตัวสมาร์ทวอทช์เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi Watch 5 ในประเทศจีนพร้อมกับการเปิดตัว Xiaomi 17 Ultra โดย Watch 5 นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในตลาดสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียม ด้วยการนำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างวัสดุระดับไฮเอนด์, เทคโนโลยีสุขภาพขั้นสูง และที่สำคัญที่สุดคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานอย่างน่าทึ่ง
ดีไซน์ของ Xiaomi Watch 5 มาในรูปแบบตัวเรือนสแตนเลสสตีลที่หรูหรา และหน้าจอแสดงผล AMOLED ทรงกลมขนาด 1.54 นิ้ว ที่มีความละเอียด 480x480 พิกเซล พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 60Hz และความสว่างสูงสุดที่สูงถึง 1,500 nits ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่แจ้ง นอกจากนี้ ตัวเรือนยังถูกปกป้องด้วย กระจกคริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพิเศษ ตัวนาฬิกามีน้ำหนัก 56 กรัม (ไม่รวมสาย) และมีความหนา 12.3 มม. พร้อมคุณสมบัติกันน้ำระดับ 5ATM

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Watch 5 แตกต่างคือ สถาปัตยกรรมชิปคู่ (Dual-Chip Architecture) โดยใช้ชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูง Qualcomm Snapdragon W5 SoC สำหรับงานที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง ควบคู่ไปกับชิปเซ็ตประหยัดพลังงาน Hengxuan 2800 สำหรับการทำงานเบื้องหลังและการติดตามสุขภาพ ซึ่งการแบ่งงานกันทำนี้เองที่ช่วยให้ Watch 5 สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผลลัพธ์ของสถาปัตยกรรมชิปคู่คืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ Watch 5 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุใหญ่ถึง 930mAh ซึ่งทาง Xiaomi อ้างว่าสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 6 วัน สำหรับการใช้งานปกติ และสามารถยืดอายุการใช้งานออกไปได้ถึง 18 วัน เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่โดดเด่นอย่างมากสำหรับสมาร์ทวอทช์ระดับเรือธงที่รันระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบอย่าง HyperOS 3

ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย Watch 5 ก็จัดเต็มด้วยเซ็นเซอร์ตรวจวัดที่ครอบคลุม ทั้งการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจแบบต่อเนื่อง, ECG (คลื่นไฟฟ้าหัวใจ), SpO2 (ออกซิเจนในเลือด), การติดตามความเครียดและการนอนหลับ และรองรับโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด นอกจากนี้ยังมีแผนที่แบบออฟไลน์เต็มรูปแบบสำหรับช่วยในการวิ่ง และที่ล้ำสมัยที่สุดคือความสามารถในการใช้เซ็นเซอร์ ECG และ EMG (Electromyography) เพื่อตรวจจับสัญญาณกล้ามเนื้อที่มือ ทำให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ เช่น รับสาย, ปิดนาฬิกาปลุก, ถ่ายภาพระยะไกล, หรือควบคุมเพลงได้ด้วยการ ขยับมือ (Gesture Control)
ในส่วนของการเชื่อมต่อ Watch 5 ก็ไม่ขาดตกบกพร่อง โดยรองรับ Bluetooth 5.4, Wi-Fi, NFC, GPS และที่สำคัญคือ eSIM ทำให้สามารถใช้งานโทรศัพท์และเชื่อมต่อ 4G ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ Xiaomi ยังเอาใจผู้ใช้ด้วยตัวเลือกวัสดุของสายนาฬิกาที่หลากหลาย ทั้งสายยาง, สายหนัง และสายไทเทเนียมพิมพ์ 3 มิติ (3D-printed Titanium) ที่ทำจากโลหะผสม TC4 เพื่อมอบสัมผัสที่หรูหราและน้ำหนักเบา
ในด้านราคา Xiaomi Watch 5 เปิดตัวมาในราคาสมเหตุสมผลสำหรับสมาร์ทวอทช์ระดับพรีเมียม โดยรุ่นพื้นฐานพร้อมสายยางมีราคาอยู่ที่ CNY 1,999 (ประมาณ 9,700 บาท) ส่วนรุ่นที่รองรับ eSIM พร้อมสายหนังมีราคา CNY 2,299 (ประมาณ 11,100 บาท) และสายไทเทเนียมพิมพ์ 3 มิติ มีราคาแยกจำหน่ายที่ CNY 799 (ประมาณ 3,900 บาท)

หมีเด้งวิเคราะห์ : การที่ Xiaomi เปิดตัว Watch 5 โดยเน้นย้ำที่ สถาปัตยกรรมชิปคู่ เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 6 วัน พร้อมกับการนำเทคโนโลยี EMG Gesture Control และเซ็นเซอร์ ECG มาใช้ ถือเป็น กลยุทธ์การสร้างมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทวอทช์เรือธง (New Flagship Benchmark) Xiaomi ไม่ได้เพียงแค่แข่งขันด้านฟีเจอร์สุขภาพเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาเรื้อรังของตลาดสมาร์ทวอทช์อย่างอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างเด็ดขาด การใช้ดีไซน์พรีเมียมด้วยสแตนเลสสตีลและกระจกแซฟไฟร์ พร้อมตัวเลือกสายไทเทเนียม ก็เป็นการผลักดัน Watch 5 ให้เข้าสู่เซกเมนต์สินค้าหรูหรา เพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพ, นวัตกรรม และความสง่างามในราคาที่เข้าถึงได้
source: gsmarena